ผอ.รพ.สทิงพระ โร่แจงดูดวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ขวด 13 โดส แค่ทดลองแต่ทำได้จริง

ผอ.รพ.สทิงพระ โร่แจงดูดวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ขวด 13 โดส แค่ทดลองแต่ทำได้จริง

ผอ.รพ.สทิงพระ โร่แจงดูดวัคซีนแอสตร้าฯ 1 ขวด 13 โดส แค่ทดลองแต่ทำได้จริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวในโลกออนไลน์ว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ประกาศขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ใช้เข็มดูดวัคซีน แอสตร้าเซเนก้า จากขวด ให้ใช้เข็มฉีดยาอินซูลิน ดูดแบ่งวัคซีนได้ 13 โดส ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างนักว่าพฤติการณ์ดังกล่าวผิดหรือไม่ และจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอตามที่กำหนดหรือไม่

ล่าสุด นพ.นครินทร์ ฉินตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสทิงพระ และรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงหนคร ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นการทดลองของตนเอง โดยใช้เข็มฉีดยาอินซูลินแบบถอดปลายเข็มไม่ได้เบอร์ 27 โดยการทดลองใช้น้ำเติมเข้าไปในขวดวัคซีนที่ใช้หมดแล้ว ในปริมาณ 6.5 ซีซี

ปรากฏว่าสามารถแบ่งน้ำในขวดได้ทั้งหมด 13 โดส จึงคิดว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ใช้เข็มอินซูลินชนิดนี้ ดูดแบ่งวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าให้ได้จำนวนโดสสูงสุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้ได้วัคซีนมากขึ้น แต่มีเจ้าหน้าที่บางท่านไม่เห็นด้วย เพราะเข็มอินซูลินชนิดนี้มีปลายเข็มยาวแค่ครึ่งนิ้ว เวลาฉีดจะทำให้ไม่ถึงบริเวณชั้นกล้ามเนื้อของต้นแขน

ผอ.รพ.สทิงพระ ระบุอีกว่า ตนคิดว่าทำได้ ตอนจะฉีดยาโดยเข็มอินซูลินชนิดนี้ ขอให้กดปลายเข็มลงไปในชั้นกล้ามเนื้ออีกครึ่งนิ้ว ก็สามารถถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ ตนจึงนำเสนอความคิดนี้ต่อผู้บริหารจังหวัดสงขลา แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับการเห็นชอบ จึงไม่ได้ดำเนินการ ต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีวิพากษ์วิจารณ์มาก่อนแล้ว หลังบางสถานพยาบาลดูดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 ขวด ได้ 12 โดส ซึ่ง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เคยชี้แจงว่าทำได้จริง เพราะวัคซีน 1 ขวด จะบรรจุวัคซีนในขวดเผื่อไว้ประมาณ 20-30% โดยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1 ขวด บรรจุวัคซีนมา 6.5 ซีซี แต่เวลาฉีด 1 โดส จะใช้ปริมาณ 0.5 ซีซี ดังนั้น 1 ขวดจะฉีดไป 5 ซีซี และมีวัคซีนที่เขาเผื่อมาอีกขวดละ 1.5 ซีซี การฉีด 11-12 โดสต่อขวด จึงสามารถทำได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook