อย.แจงเกษตรกร ขออนุญาต "ปลูกกัญชา" ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาออกมาสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับการปลูก โดยเห็นว่ากฎระเบียบของภาครัฐ ไม่เอื้อต่อวิถีการปลูกกัญชาในชุมชน ทำให้ต้องมีการลงทุนด้านสถานที่ปลูกและระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง และยังมีปัญหาการขออนุญาตที่ต้องดำเนินการขอใหม่หากต้องการใช้ประโยชน์จากส่วนอื่น ๆ ของกัญชา นั้น
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า อย. มีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชามาโดยตลอด เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ เป็นการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการปลดล็อกข้อกฎหมายเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ในส่วนของเกษตรกรผู้มีความประสงค์ปลูกกัญชา สามารถดำเนินการได้โดยขอให้มีการรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจ หรือสหกรณ์การเกษตร และร่วมกับหน่วยงานรัฐได้
สำหรับการปลูกกัญชาที่ผู้ปลูกบางส่วนเห็นว่าไม่เอื้อต่อวิถีการปลูกกัญชาในชุมชน โดยข้อเท็จจริงแล้วภาครัฐไม่ได้กำหนดว่าต้องปลูกแต่เฉพาะในโรงเรือนระบบปิดเท่านั้น ผู้ปลูกสามารถปลูกกลางแจ้งหรือโรงเรือนทั่วไปได้ แต่ยังคงต้องมีระบบการควบคุมดูแล เพื่อให้กัญชามีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และได้มีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลง พื้นที่ปลูกขนาดไม่เกิน 50 ตารางเมตรไม่จำเป็นต้องมีกล้องวงจรปิด เพียงแต่ให้มีเครื่องป้องกันการเข้าถึงพื้นที่ปลูกจากบุคคลภายนอก เช่น กุญแจล็อก เปิด –ปิด
ส่วนประเด็นการขออนุญาตนั้น หากระยะแรกโครงการที่นำมาขออนุญาตไม่รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก ใบ กิ่ง ก้าน ราก ไม่ต้องขออนุญาตใหม่ เพียงแต่แจ้งขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามแผนการใช้ประโยชน์ใหม่ ซึ่งไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้หากนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ปัจจุบันกฎหมายยังไม่ได้มีการอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปปลูกกัญชาได้เอง อย่างไรก็ตาม สามารถรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร โดยร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อขออนุญาตปลูกกัญชาได้ รองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด