คืบคดี "น้องปลื้ม" 12 รุ่นพี่อุเทนถวายเข้าพบตำรวจแล้ว รับสารภาพร่วมกิจกรรมรับน้อง
คืบคดี "น้องปลื้ม" เสียชีวิต ผบช.น. เผย 12 รุ่นพี่อุเทนถวาย 7 รุ่นพี่ผู้ชาย เจอข้อหาร่วมกันทำร้ายให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วน 5 รุ่นพี่ผู้หญิง พบแยกตัวไปทำกิจกรรมอื่น ตำรวจเตรียมปล่อยตัวหลังแจ้งข้อกล่าวหา มั่นใจพยานหลักฐานชัดเจนเอาผิดได้
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าร่วมสอบปากคำ นักศึกษารุ่นพี่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขต อุเทนถวาย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียก กรณีการเสียชีวิตของ นายวีรพัฒน์ หรือ น้องปลื้ม นักศึกษาปี 2 คณะวิศวกรรมโยธา ฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย พร้อมวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชาย รวม 7 คน ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงอีก 5 คน ถูกดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ยืนยันนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด ใน 2 ข้อหา คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค
ส่วนข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยพิจารณาดำเนินการ หากพนักงานสอบสวน พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีบุคคลอื่น ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ น้องปลื้มเสียชีวิต จะแจ้งข้อหาเพิ่มแน่นอน
เบื้องต้น จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบ วันเกิดเหตุ รุ่นพี่ผู้หญิง 5 ราย ได้แยกตัวไปทำกิจกรรมรับน้อง กับรุ่นน้องผู้หญิง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรุ่นพี่ผู้ชาย ส่วนผลชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด อยู่ระหว่างรอผลจากโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา และโรงพยาบาลหัวเฉียวส่งมาเพื่อรวบรวมในสำนวน
สำหรับ บทลงโทษหรือมาตรการของสถานศึกษา เป็นหน้าที่ของสถานศึกษา ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ จึงไม่ทราบรายละเอียด ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่า สถาบันลงโทษรุ่นพี่เพียงคนเดียวที่ก่อเหตุ ซึ่งไม่สอดคล้องกับตำรวจ ที่พบคนทำร่วมก่อเหตุถึง 7 คน ตำรวจไม่ทราบการดำเนินการของสถาบัน และเบื้องต้นยังไม่พบว่าสถาบันมีความพยายามช่วยปกปิดข้อมูลให้นักศึกษา
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยภาย หลังร่วมสอบปากคำรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย 12 คน ว่าทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยจริง โดยรุ่นพี่ผู้ชาย 7 คน เข้าข่ายความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิง 5 คน มีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
สำหรับรุ่นพี่ผู้หญิงที่ตำรวจไม่แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เสียชีวิต เพราะแยกกันทำกิจกรรม ทำให้ไม่มีส่วนรู้เห็นว่าทำร้ายร่างกาย ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อนจะปล่อยตัว เนื่องจากเป็นการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกจึงไม่มีความจำเป็นต้องมีการออกหมายจับและควบคุมตัว
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ เนื่องจากมีการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุหลายปาก ทั้ง อาจารย์ นักศึกษา และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งก็ได้สอบปากคำไปทั้งหมดแล้วซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดี