อดีตผู้ต้องขังหญิงไม่รู้ตัวติดโควิด จัดเลี้ยงฉลองพ้นโทษ งานเข้าทั้งหมู่บ้าน 160 ชีวิต

อดีตผู้ต้องขังหญิงไม่รู้ตัวติดโควิด จัดเลี้ยงฉลองพ้นโทษ งานเข้าทั้งหมู่บ้าน 160 ชีวิต

อดีตผู้ต้องขังหญิงไม่รู้ตัวติดโควิด จัดเลี้ยงฉลองพ้นโทษ งานเข้าทั้งหมู่บ้าน 160 ชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตผู้ต้องขังหญิงไม่รู้ตัวติดโควิด-19 จัดงานเลี้ยงฉลองพ้นโทษ-ลงแขกเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง งานเข้าเสี่ยงทั้งหมู่บ้าน 160 ชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปากทางเข้าออกหมู่บ้านโป่งคอก หมู่ที่ 14 ต.โนนสมบูรณ์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข จัดกำลังตั้งจุดสกัดห้ามไม่ให้บุคคลภายในหมู่บ้านเข้าออกจากพื้นที่ ภายหลังจากที่ทางนายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง ได้ออกคำสั่งอำเภอเสิงสาง ปิดหมู่บ้านดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.64 ไปจนถึงวันที่ 20 ก.ค.64  เนื่องจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อในหมู่บ้าน 3 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 36 ราย ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เหลือทั้งหมดเป็นเข้าข่ายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำรวมทั้งหมดประมาณ 160 คน จากทั้งหมด 68 ครัวเรือน 

นายสานิตย์ ศรีทวี นายอำเภอเสิงสาง เปิดเผยว่า สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่บ้านโป่งคอกนั้น เริ่มต้นจากการที่ทีมสอบสวนโรคโควิด-19 ของอำเภอเสิงสาง สืบทราบว่ามี นางเอ (นามสมมติ) หญิงที่เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำรายหนึ่ง เดินทางกลับมาบ้านพักที่บ้านโป่งคอกโดยมี นายบี (นามสมมติ) บุตรชายที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองนครราชสีมา เป็นผู้ขับรถมาส่ง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา และไม่ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคในพื้นที่  

ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย.64 นายบี (นามสมมติ) ทราบผลว่าติดเชื้อ และได้มีการโพสต์ข้อความเล่าสถานการณ์ผ่านทางเฟชบุ๊ก จนทีมสอบสวนทราบข้อมูล จากนั้นก็ได้ทำการสอบสวนประวัติ และทราบว่าได้พา นางเอ (นามสมมติ) มารดา มาส่งที่บ้าน จึงนำทีมเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่และสอบประวัติผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกักตัวผู้ใกล้ชิดสัมผัสเสี่ยงสูงและทำการตรวจหาเชื้อ จนพบว่านางเอ (นามสมมติ) พร้อมคนในบ้านก็ได้ติดเชื้อเช่นเดียวกันรวม 3 ราย

นอกจากนี้จากการสอบสวนในเชิงลึกยังพบว่า ครอบครัวนางเอ (นามสมมติ) ได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เนื่องจากเพิ่งพ้นโทษกลับมาบ้านและมีการสังสรรค์ รวมถึงยังมีการลงแขกแรงงานเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง จึงทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 36 ราย รวม 22 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ทางอำเภอจึงจำเป็นที่จะต้องทำการปิดหมู่บ้าน เพราะถือเป็นวิธีการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเชื่อว่าน่าจะมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มจากกรณีนี้อีกจำนวนหนึ่ง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook