เพื่อไทยซัด! รัฐบาลบริหารผิดพลาด จี้นำเข้า-ฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้ประชาชนด่วน
ส.ส.เพื่อไทย ดาหน้าอัดแหลกรัฐบาลบริหารผิดพลาด แก้ปัญหาโควิดล้มเหลว
วันนี้ (9 ก.ค. 64) พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้ออภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ชี้รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้ทันการณ์ หลากหลาย ไม่ทั่วถึงและไร้ประสิทธิภาพ พร้อมข้อความมาตรการเร่งแก้วิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผ่านเพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ข้อความทั้งหมดระบุว่า
“การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 มีการพิจารณาวาระสำคัญ คือ ญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันหามาตรการ แนวทางแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโควิด และการบริหารจัดการของ ศบค. พร้อมมีมติให้รัฐบาลไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่ง ‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ ส.ส.น่าน, ‘นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์’ ส.ส.ศรีสะเกษ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมเสนอต่อที่ประชุมสภาไว้ก่อนหน้านี้
ตู่แก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ล้มเหลวทุกด้าน
ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร บุญฐิน ประทุมลี ส.ส.มุกดาหาร ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ ภณณัฎฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ ส.ส.นนทบุรี นพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก ได้ร่วมอภิปรายชี้ถึงการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผอ.ศบค. โดยเฉพาะการรวบอำนาจเอาไว้มานาน 500 กว่าวัน แต่กลับไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ ไม่เป็นเอกภาพ ซ้ำร้ายยังทำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนมากมายหลายด้าน จนหมดความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ
การตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่ล่าช้าในทุกด้าน สร้างปัญหากับประชาชนมากกว่าการจำกัดการระบาดของโรค ทำให้พี่น้องประชาชนต้องติดเชื้อ เจ็บป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้่งการที่ไม่สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้ทันการณ์ หลากหลาย ไม่ทั่วถึงและไร้ประสิทธิภาพทั้งที่ราคาแพงกว่าประเทศอื่นๆ แสดงให้เห็นความล้มเหลวของ ศบค. จนพี่น้องประชาชนหมดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการออกคำสั่งล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล ครั้งล่าสุดทำให้เชื้อกระจายออกไปในพื้นที่ต่างจังหวัด สร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ ทำให้พี่น้องประชาชนต้องหยุดงาน ตกงาน ขาดรายได้
วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย อภิปรายชี้ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ผอ.ศบค. เพียงคนเดียว ที่แก้ปัญหาเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งติดพัน การตัดสินใจออกคำสั่งต่างๆ ผิดพลาดไปทุกอย่างมาโดยตลอด ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลทั้งต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลล้มเหลวทุกด้าน เสียหายทุกเรื่อง ทำให้ประชาชนท้อแท้หมดหวัง พล.อ.ประยุทธ์ ควรพิจารณาตัวเองลาออก ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะไปต่อไม่ได้
โมฆะบุรุษ ไม่เหลียวแลความตายประชาชน
นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม ได้อภิปรายสนับสนุนการขับเคลื่อนของภาคีตัวแทนสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน ซึ่งได้ยื่นหนังสือให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผลักดันประเด็นเรียกร้องวัคซีน mRNA สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเปิดเผยข้อมูลสัญญาการสั่งซื้อวัคซีนและการกระจายวัคซีนเพื่อความโปร่งใส ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยอย่างยิ่ง เนื่องจากบุคลากรการแพทย์คือผู้ที่ต้องทำงานในด่านหน้า จึงควรได้รับเสื้อเกราะที่ดี จะได้มีกำลังบุคลากรในการดูแลประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญ อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลผิดพลาดช้ำแล้วช้ำอีก ผิดซ้ำซาก จนเกิดความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องเร่งแก้ไขในส่วนนี้ก่อนเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนต้องยากลำบากไปมากกว่านี้
“วิกฤตโควิดครั้งนี้ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีระดับที่ 6 ของโลกแต่กลับมาถึงจุดวิกฤต น่าเสียใจที่ 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลบริหารผิดพลาดทำให้ประชาชนหมดหวังและท้อแท้ หากบริหารดีกว่านี้คนจะป่วยและตายน้อยกว่านี้ เศรษฐกิจจะไม่เสียหายเท่านี้ คนจะไม่ต้องฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ หมอและพยาบาลจะไม่ต้องทำงานหนักและประชาชนคนไทยควรจะได้วัคซีนเร็วและมีคุณภาพมากกว่านี้”
ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส. กทม. อภิปรายว่า พลเอกประยุทธ์วันนี้คือโมฆะบุรุษ มองความตายของประชาชนเป็นเรื่องเล็กน้อย เสียงเรียกร้องของประชาชนเซ็งแซ่แต่ไม่มีความหมาย แก้ปัญหาล่าช้า ไม่มีความชัดเจน ไม่กล้าตัดสินใจ สถานการณ์การระบาดในกรุงเทพฯ คือตัวอย่างความล้มเหลวที่ชัดเจนที่สุด วันนี้ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยไม่มีที่รักษาจนต้องตายทั้งที่ยังไม่ได้รักษา
ไล่ลาออก อย่าคิดว่าประชาชนไม่กล้ากับ 3 ป.
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยพูดให้ชัดเจนเลยว่างบประมาณในการจัดซื้อวัคซีันทั้งหมดเท่าไร วันนี้ประชาชนคนด้อยโอกาสรอฉีดวัคซีนก็ไม่ได้ฉีด วัคซีนที่มีก็ไม่มีความหมาย เพราะสายพันธุ์ใหม่ได้เข้ามาแล้ว เงินที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจนต้องตกงานกี่บาทก็ไม่เคยพูดสักคำ ประเทศเข้าสู่ความสับสนวุ่นวาย เพราะรัฐบาลบริหารจัดการไม่ได้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีความหมาย การล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทำไม่ได้จริง เพราะคนทำงานที่จะต้องตั้งด่านจุดต่างๆ ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่มีงบประมาณที่จะมาดูแล เพราะทุกคนได้รับผลกระทบกลายเป็นคนจนทั้งหมดแล้ว รัฐบาลอาจยังคิดว่าไม่มีใครกล้ากับ 3 ป. แต่สักวันหนึ่งประชาชนจะลุกขึ้นมาไล่ ขอให้พลเอกประยุทธ์พิจารณาตัวเองลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้คนมีวิสัยทัศน์และมีความตั้งใจแก้ปัญหาแทนประเทศชาติจะได้รอดพ้นวิกฤต
แนะล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ระบาดรุนแรง
วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ ศบค.เตรียมที่จะประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง ภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะจะสร้างผลกระทบกับประชาชนโดยตรงอย่างหนัก แต่หากจะต้องมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง ก็ควรจะดำเนินการเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงเท่านั้น แต่ละพื้นที่จะไม่ควรจะต้องใช้กฎระเบียบเดียวกัน เพื่อให้เศรษฐกิจจะพอที่จะได้เดินไปได้
ขจิตร ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมีเครื่องมือเครื่องใช้ มีงบประมาณที่สภาได้อนุมัติเงินกู้ไปให้แล้ว แต่การบริหารจัดการของรัฐบาลห่วยแตก ประชาชนจึงต้องเผชิญกับวิกฤต ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการอะไรไม่เคยมีแผนรองรับ ลำพังแค่เรื่องการตรวจเชื้อก็ยังทำให้ประชาชนยากลำบาก ไม่รู้เพราะอะไรรัฐบาลจึงไม่เร่งตรวจเชื้อเชิงรุกอย่างรวดเร็ว เพื่อให้รู้ผลก่อนแล้วเฝ้าระวัง จึงขอฝากรัฐบาลด้วยว่าวันนี้ผู้นำ ไม่มีสำนึกและไร้สปิริต หากเป็นผู้นำในต่างประเทศคงลาออกไปแล้ว
เสนอมาตรการรัฐบาลเร่งแก้วิกฤต ชี้ล็อกดาวน์ต้องมีมาตการรองรับ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน อภิปรายสรุปญัตติระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายเสนอให้รัฐบาลดำเนินการดังนี้
ข้อเสนอในเชิงมาตรการแก้ไขปัญหาทางการแพทย์และสาธารณสุขประกอบด้วย
1. จัดตั้งทีมเคลื่อนที่เร็วไปสอบสวนโรคทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ
2. การตรวจคัดกรองผู้ป่วย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ จะต้องดำเนินการตรวจทุกคนและมีการแยกกักกันโรค
3. ต้องเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง
4. ในกรณีที่รัฐบาลมีมาตรการล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ จะต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน
5. ความร่วมมือในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา จะต้องมีการขึ้นทะเบียนอย่างชัดเจนและมียานพาหนะรับส่งที่ปลอดภัย
6. สร้างขวัญกำลังใจให้กับนักรบด่านหน้าแพทย์ พยาบาลและบุคลากรสาธารณสุข
นอกจากนี้ยังมี ข้อเสนอของการการเยียวยา และข้อเสนอการบริหารจัดการของรัฐบาลและ ศบค. เช่น การปรับโครงสร้าง ศบค. และการสื่อสารกับประชาชน โดยเฉพาะมาตรการต่างๆ และหากทำไม่ได้ก็ควรพิจารณายุบ ศบค. แล้วหาวิธีการอื่นตามกฎหมายปกติมาดำเนินการแทน
นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ อภิปรายสรุปญัตติเสนอให้รัฐบาลดำเนินการ ดังนี้
1. รัฐบาลต้องยอมรับข้อผิดพลาดและดำเนินการแก้ไข ควรบอกความจริงกับประชาชนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น
2. เร่งนำเข้าวัคซีนคุณภาพสูงและเร่งฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้ประชาชน ให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 นี้ รวมทั้งเร่งนำเข้าวัคซีน mRNA เข็มที่สามให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยจะต้องมีงานวิจัยมารองรับอย่างชัดเจน
3. สร้างความเข้าใจ มั่นใจกับประชาชนในเรื่องของวัคซีน ทั้งจำนวนการนำเข้า คุณภาพและการกระจายวัคซีน รวมถึงป้องไม่ให้เชื้อเข้ามาได้จากภายนอกประเทศ พร้อมทั้งเร่งการตรวจหาเชื่้อเชิงรุก
4. จะต้องดำเนินการหามาตรการป้องกันอย่างสูงสุด ในการดำเนินการนำตัวผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา และมีมาตรการรับส่งที่รัดกุม
5. ขอความร่วมมือภาคเอกชนในพื้นที่เพื่อสร้างโรงพยาบาลสนามและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
6. การใช้มาตรการล็อกดาวน์ ควรมีความขัดเจนและต้องเยียวยาให้ครบถ้วน ทั่วถึงและเป็นธรรม
7. ในการดำเนินการเยียยาจะต้องโปร่งใส่และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ
8. ทบทวนนโยบายการเก็บภาษีที่เข้มงาด แต่กลับเยียวยาแบบชิงโชค ควรสร้างความทั่วถึงเสมอภาค เท่าเทียม อย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
9. เพิ่มขวัญกำลังใจ โดยเฉพาะเบี้ยเสี่ยงภัยของบุคลากรทางด้านสาธารณสุข และพิจารณาเยียวยาภาคธุรกิจและผู้ได้รัลผลกระทบให้ครอบคลุมทุกฝ่าย
10. ในการบริหารจัดการ ศบค. ควรมีการรับฟังผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขให้มากๆ อย่าให้เกิดการดำเนินการที่ผิดฝาผิดตัวอีก”