หมอพยาบาลด่านหน้า เริ่มมีภาวะซึมเศร้า หลังต้องปฏิเสธคนไข้โควิด-เลือกคนที่มีโอกาสรอด

หมอพยาบาลด่านหน้า เริ่มมีภาวะซึมเศร้า หลังต้องปฏิเสธคนไข้โควิด-เลือกคนที่มีโอกาสรอด

หมอพยาบาลด่านหน้า เริ่มมีภาวะซึมเศร้า หลังต้องปฏิเสธคนไข้โควิด-เลือกคนที่มีโอกาสรอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร หรือ หมอแนต อายุรแพทย์โรคระบาดทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตประจำ รพ.เอกชัย เผยภาพฟิล์มเอกซเรย์ปอดผู้ป่วยโควิดที่ป่วยมา 9 วัน แต่ไม่ได้รับการตรวจ พร้อมเผยว่า ห้องแล็บใน กทม. ยังมีศักยภาพตรวจได้อีกมาก แต่เพราะกฎที่ออกมาว่าถ้าตรวจเจอผลบวกแล้วต้องแอดมิทใน 24 ชั่วโมง ทำให้หลายแห่งไม่รับตรวจ ข้อความระบุว่า...

"การไม่ให้เค้าตรวจไม่ใช่ทางออก!!! ชัดเจนมากว่า ตอนนี้ทุกเคสที่มา คือมาช้ามากๆ เพราะเค้าตระเวรไปหลายที่แล้ววว หาไม่ได้ สุดท้ายก็หอบ...มาถึงรพ ก็ต้องทำให้เค้าอยู่ดี แล้วผลการรักษาก็แย่เพราะมาถึงช้านี่คือภาพฟิลม์คนไข้ ที่ ARI clinic พร้อมประวัติ ป่วยมา 9 วัน ไปที่ไหนก็ไม่มีใครตรวจให้ จนต้องมาที่นี่.....อยากให้ผู้มีอำนาจ แก้ไขสิ่งนี้โดยด่วน ตรวจให้เยอะ แยกให้เร็ว หาเตียงเหลือง ส้ม ให้พอ เพื่อป้องกันหรือลดการเกิดเคสแดงให้ได้มากที่สุด บอกเลย ทุกวันนี้ แลปกทม.ตรวจไม่ถึงครึ่งของศักยภาพที่ทำได้หรอก เพราะกฏ เพี้ยนๆ ที่ต้อง admit ให้ได้ใน 24 ชม. บ่นมาตั้งแต่ Season สมุทรสาคร ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม"

เพจเฟซบุ๊ก ใกล้มิตรชิดหมอ ได้แชร์ภาพจาก พญ.นิษฐา พร้อมระบุว่า ตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์หน้างานอยู่ในภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะต้องปฏิเสธคนไข้ และเลือกคนที่มีโอกาสรอดมากกว่า

"ตอนนี้ต้องบอกว่า หลาย รพ. มีคำสั่งให้หยุดตรวจจริงๆ ค่ะ แม้จะมีอาการ แม้จะมีประวัติเสี่ยง แม้จะสงสัยว่าเป็นแน่ๆ ตอนนี้ทำได้เพียงบอกว่า ไม่สามารถตรวจได้ทุกกรณี เพราะแต่ละ รพ. ไม่มีที่รองรับคนไข้ใหม่แล้วค่ะ บาง รพ. กำลังจะต้องตั้งเกณฑ์เพื่อเลือกว่าใครจะมีโอกาสรอดมากกว่า เพราะตอนนี้เครื่องช่วยหายใจไม่พอแล้ว บางคนนอนรอเตียงอยู่ที่ห้องฉุกเฉินจนอาการทรุดอาการแย่ลงและเสียชีวิต ตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะเรารู้ว่ามาตรฐานคืออะไร และตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องปฏิเสธและทอดทิ้งคนบางคน เพื่อจะช่วยคนบางคนเอาไว้ การเป็นคนหน้างานไม่สนุกเลยค่ะ การต้องปฏิเสธคนไข้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาหวังพึ่งเราไม่ใช่เรื่องที่จะชินชาได้เลย พวกเราเสียใจจริงๆ ที่ไม่สามารถช่วยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรพอสักอย่างจริงๆ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook