ปชป.ไล่เสื้อแดงไปอยู่เขมรหลังชื่มชมฮุนเซน
ปชป.ไล่ เสื้อแดงไปอยู่ เขมร หลังชื่มชม ฮุนเซน ใช้เป็นเครื่องมือดิสเครดิตไทย "เทพไท"ถาม"พล.อ.ชวลิต"รับเบี้ยยังชีพจากใครหรือไม่ เพื่อไทยแฉอีกมหาดไทยส่อทุจริตงบไทยเข้มแข็งกระจุกตัว
(25 ต.ค.)นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการอภิปรายนอกสภาของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงและส.ส.เพื่อไทย ว่า เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ เพราะเป็นฝ่ายค้านที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาล แต่ยังเนื้อหาบางส่วนในการอภิปรายนั้น จะเห็นได้ชัดว่า ไม่ได้เป็นเรื่องการตรวจสอบ
นายสาธิต กล่าวว่า มีหลายกรณีที่เป็นเรื่องของคนไทย แต่ไม่ได้มีหัวใจเป็นคนไทย แต่มีหัวใจที่โหยหาเพียงแค่ผลประโยชน์ ทำทุกอย่างเพื่อล้มล้างรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการโกหกหรือใส่ร้าย ให้ข้อมูลเป็นเท็จ เพื่อโจมตีรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มคนเหล่านี้ อาศัยแม้กระทั่งผู้นำที่เป็นชาวต่างประเทศ เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล และพูดจาให้ร้ายเหมือนกับต้องการล้มล้างรัฐบาลให้อยู่ไม่ได้ภายในสิ้นปีนี้ หากกลุ่มคนเสือแดงชื่นชมผู้นำกัมพูชา มากกว่าประเทศไทย ก็ให้ย้ายไปอยู่กัมพูชาเลย
"เทพไท"ถาม"พล.อ.ชวลิต"รับเบี้ยยังชีพจากใครหรือไม่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับว่า ตัวเองเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณและหวังจะเห็นการมีรัฐบาลแห่งชาติว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ยังกล้ายอมรับความจริง ซึ่งตรงกับข่าวที่สังคมไทยวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ จึงไม่ต้องคาดเดาว่าพล.อ.ชวลิตเข้ามาเพื่ออะไร
เมื่อชัดเจนเช่นนี้ สังคมก็วิเคราะห์ต่อไปว่า พล.อ.ชวลิต ได้ค่าตอบแทนอย่างไรหรือไม่ เบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุคงจะมีมากกว่าที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จัดให้ผู้สูงอายุในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่อยากฝากเตือนพล.อ.ชวลิต ว่า เบี้ยยังชีพดังกล่าวจะคุ้มค่ากับศักดิ์ศรีและเกียรติยศของความเป็นอดีตนายกฯหรือไม่ และตนไม่อยากให้สังคมไทยประณามว่า พล.อ.ชวลิต เสียคนตอนแก่
เพื่อไทยแฉอีกมหาดไทยส่อทุจริตงบไทยเข้มแข็งกระจุกตัว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากการติดตามการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็ง และชุมชนพอเพียง ล่าสุดคณะทำงานของพรรค พบว่า กระทรวงมหาดไทย น่าจะมีการทุจริตที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งมีการอนุมติงบประมาณลงพื้นที่แบบกระจุกตัวที่ จ.นครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นครพนม และ เลย เพื่อเป้าหมายทางการเมืองโดยเฉพาะ จ.เลย มีการอนุมัติงบตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดโดยไม่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง ทั้งหมด 66 โครงการ คิดเป็นเงิน 127 ล้านบาท โดยมีผู้รับเหมาก่อสร้างกว่า 20 รายไปขอยื่นแบบในการสอบราคาของโครงการดังกล่าว ซึ่งพบว่าการก่อสร้างทุกโครงการได้ประมาณราคาไว้สูงเกินจริง และยินดีลดราคาโครงการละ 22 เปอร์เซ็นต์ ในการสอบราคาและประกวดราคา แต่สุดท้ายนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ได้ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษและมีราคาสูงกว่าราคากลางซึ่งน่าจะเป็นการทุจริต