"หมอยง" เผยผลวิจัยฉีดวัคซีนสลับชนิด เชื่อฝรั่งตามไม่ทัน ท้อใจให้ความรู้แต่เจอดราม่า

"หมอยง" เผยผลวิจัยฉีดวัคซีนสลับชนิด เชื่อฝรั่งตามไม่ทัน ท้อใจให้ความรู้แต่เจอดราม่า

"หมอยง" เผยผลวิจัยฉีดวัคซีนสลับชนิด เชื่อฝรั่งตามไม่ทัน ท้อใจให้ความรู้แต่เจอดราม่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบการฉีดวัคซีนโควิดสลับชนิด โดยเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา และ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกิน 4 สัปดาห์แล้ว จึงจะดำเนินการฉีดกระตุ้นบูสเตอร์โดสเป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงและเร็วที่สุดกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อโควิด จากการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย

(13 ก.ค.64) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หัวข้อ โควิด 19 วัคซีน การศึกษาวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติจริง การสลับชนิดของวัคซีน โดยระบุว่า..

"ทางศูนย์ได้มุ่งมั่นทำการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า 30 ชีวิตที่ทำอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง covid 19 vaccine ที่มีโครงการทำอยู่มากกว่า 5 โครงการ เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนในประเทศไทยให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่

"การสลับชนิดของวัคซีน เราทำมาโดยตลอดและเห็นว่า การให้วัคซีนเข็มแรกเป็นชนิดเชื้อตาย (Sinovac) แล้วตามด้วยไวรัส Vector (AstraZeneca) จะกระตุ้นได้ดีมาก การให้วัคซีนเชื้อตายที่เป็นทั้งตัวไวรัส เปรียบเสมือนการทำให้ร่างกายเราเคยติดเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาระดับหนึ่ง หรือสร้างความคุ้นเคยกับระบบภูมิต้านทาน เมื่อกระตุ้นด้วยต่างชนิดโดยเฉพาะไวรัสเวกเตอร์ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า booster effect เหมือนกับคนที่หายแล้วจากโรคโควิด 19 และได้รับวัคซีนเสริมอีก 1 ครั้ง ก็จะมีการกระตุ้นภูมิต้านทานขึ้นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราก็ได้ทำการทดลองแล้ว

"การศึกษานี้เราไม่ได้ทำเฉพาะการตรวจวัดภูมิต้านทานเท่านั้น เรายังได้ทำภาวะขัดขวางไวรัส inhibition test ที่สามารถขัดขวางได้ดีมาก เฉลี่ยถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และมีหลายรายถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ในทำนองเดียวกันการให้เชื้อตาย 2 เข็ม ยิ่งสอนให้ร่างกายเหมือนกันติดเชื้อจริงแบบเต็มๆ หรือแบบรุนแรง แล้วเมื่อมากระตุ้นด้วยวัคซีนไวรัส Vector จึงมี Booster effect ที่สูงมากการศึกษาวิจัยของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เรากำลังทำการศึกษากับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ delta และระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่เรียกว่า T cell หรือ CMIR แน่นอนการศึกษานี้ ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย และจีนก็ไม่ได้ใช้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์อย่างกว้างขวาง ในขณะนี้ข้อมูลขณะนี้ผมมีเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสรุป เพราะทุกท่านให้ความร่วมมือดีมาก รวมทั้งอาสาสมัครที่อยู่ในการศึกษา เป็นจำนวนมาก

"ผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งข้อดีที่ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ และนำมาปรับใช้ในเชิงนโยบายจากการศึกษานี้ 1 ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนได้ภูมิต้านทานที่สูงภายในเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าการให้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ในประเทศไทยที่จะได้ภูมิต้านทานสูง ต้องใช้เวลา 12 สัปดาห์ เหมาะสมกับการที่โรคกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ซึ่งเรารอไม่ได้ 2 เป็นการปรับใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ขณะนี้ที่จำกัดให้ได้ประโยชน์สูงสุด 3 การกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย virus Vector สามารถทำได้ให้เกิดภูมิต้านทานที่สูงมาก โดยไม่ต้องรอวัคซีนชนิดอื่น เพื่อประโยชน์ของบุคลากรทางการแพทย์ข้อมูลที่ได้ขณะนี้มีเป็นจำนวนมากพอ โดยเฉพาะการฉีดสลับเข็ม ข้อมูลที่ถูกในบันทึกในหมอพร้อมมีมากกว่า 1,200 ราย โดยที่ไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงแต่อย่างใด

"ผมเองท้อใจหลายครั้งที่ไม่อยากจะมาโพสต์ให้ความรู้ และมีการหยุดเป็นครั้งคราว แต่ก็มีผู้ทักท้วงมาเป็นจำนวนมาก ว่าถ้าหยุดก็จะเข้าทางของผู้ไม่หวังดี ผมเองมุ่งทำการศึกษาวิจัยมาเกือบ 40 ปี เพื่อให้ความรู้กับชาวโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย เพราะเผยแพร่ในวารสารนานาชาติมาตลอด สังคมไทยในภาวะวิกฤตแบบนี้ แทนที่จะร่วมมือกัน สามัคคี แต่กลับเป็นพยายามที่จะพูดจาถากถาง ดึงเข้าสู่การเมือง ในบางครั้งมีการกล่าวหาที่เลื่อนลอย และไม่เป็นความจริง มีหลายคนเสนอให้ กฎหมายเข้ามาจัดการ ผมเองไม่เคยไปสนใจอ่านเลยไม่เดือดร้อน แต่ที่เดือดร้อนมากกลับเป็นลูกศิษย์ที่ยังเคารพอาจารย์ ส่วนลูกศิษย์ที่ไม่เคารพก็ไม่เป็นไรผมไม่เคยถือ และขณะนี้ ก็ได้มีการจับแล้ว 1 คน และจะคงมีรายต่อๆไป โดยที่ผมจะยุ่งเกี่ยวให้น้อยที่สุด ขอให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายที่ทุกคนต้องเคารพ และจริยธรรม ที่ต้องให้เกียรติกันและกัน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook