พยาบาลกระโดดตึก ดับกลาง รพ. คาดมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เครียดงานหนักคนไข้โควิดล้น

พยาบาลกระโดดตึก ดับกลาง รพ. คาดมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เครียดงานหนักคนไข้โควิดล้น

พยาบาลกระโดดตึก ดับกลาง รพ. คาดมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เครียดงานหนักคนไข้โควิดล้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พยาบาลกระโดดตึกดับกลาง รพ. คาดมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดลูก 3 เดือน ซ้ำแบกรับงานหนัก คนไข้โควิดล้น ไม่ได้กลับบ้านไปหาครอบครัว 

(19 ก.ค.64) ร.ต.ท.พรศักดิ์ ดีดอม พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุมีคนกระโดดตึกในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.สามพราน จ.นครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว พบผู้เสียชีวิต 1 ราย อายุ 34 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในชุดปฎิบัติงานพยาบาล จากการตรวจสอบ ทราบว่า ผู้ตายเป็นพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ชั้น 4 ของโรงพยาบาล 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้เสียชีวิตกระโดดลงมาจากชั้น 4 ของอาคารโรงพยาบาล โดยก่อนผู้เสียชีวิตจะตัดสินใจกระโดดลงมาได้เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบก่อนกระโดดลงมา

เบื้องต้น คาดว่าผู้เสียชีวิตเกิดอาการเครียดสะสม เนื่องจากเพิ่งคลอดลูกได้ 3 เดือน แต่ต้องคอยทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิดที่มีจำนวนมาก จนไม่ได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดราชบุรีไปหาลูกและครอบครัว

ตำรวจจึงประสานนำศพผู้เสียชีวิตส่งไปที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตและตรวจหาเชื้อโควิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นผู้ปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจให้กับผู้เสียชีวิตหลังเกิดเหตุ ได้โพสต์ข้อความอาลัยผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้เสียชีวิตมีภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด (Postpartum blue หรือ Baby Blue) ร่วมกับภาวะกดดันจากงาน 

ล่าสุด โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์บุคลากรพยาบาลของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติงานในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564 นั้น โรงพยาบาลรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของบุคลากรผู้เสียชีวิตต่อการจากไปในครั้งนี้

ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ปกติ หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผู้ป่วยจากโรคระบาดโควิด 19 นี้เป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลฯ รู้สึกซาบซึ้ง และขอขอบคุณในความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ และมีเมตตาต่อผู้ป่วยของท่านผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นที่รักของผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเคารพต่อผู้เสียชีวิต และครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่อย่างใด โรงพยาบาลฯ จึงใคร่ขอความร่วมมือจากทุกท่านโปรดให้เกียรติ และเคารพสิทธิของผู้เสียชีวิต และครอบครัว ในการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียชีวิตด้วยความระมัดระวัง

โรงพยาบาลฯ ได้ติดต่อครอบครัว รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมดูแลครอบครัวของผู้สูญเสียอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ แม้ผู้บริหาร และบุคลากรในโรงพยาบาลฯ จะรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของบุคลากรในครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่โรงพยาบาลฯ ขอยืนยันว่าจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไปทั้งในด้านการรักษาประชาชนทั่วไป ตลอดจนประชาชนที่เป็นผู้ป่วยโควิด 19 ควบคู่ไปกับการดูแลบุคลากรของโรงพยาบาลอย่างดีที่สุดเช่นกัน ตามเจตนารมณ์ในการทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต เพราะทุกลมหายใจที่ได้คืนมา มีค่ามากกว่าคำชื่นชม

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook