รัฐบาลแจงผ้าอนามัยแบบสอด เป็นสินค้าควบคุม-ไม่ขึ้นภาษีถึง 30%
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงเรื่อง "ผ้าอนามัยแบบสอด" เป็นสินค้าควบคุม ยืนยันไม่มีการขึ้นภาษีถึง 30 เปอร์เซ็นต์
จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 ซึ่งกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดที่ใช้สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อซับเลือดประจำเดือน เป็นเครื่องสำอาง
ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าการกำหนดให้เป็นเครื่องสำอาง ทั้งที่ผ้าอนามัยชนิดนี้ถือเป็นของใช้จำเป็นด้วย จะทำให้ประชาชนต้องมีภาระเสียภาษีเพิ่มนั้น
ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงเรื่องนี้ว่า "ยืนยัน ผ้าอนามัย เป็นสินค้าควบคุม ไม่ขึ้นภาษี
ชี้แจง ประกาศราชกิจจาฯ ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นเครื่องสำอาง ดังนี้
1.ปัจจุบันมีผ้าอนามัย 2 ชนิด คือ ผ้าอนามัยใช้ภายนอกและชนิดสอด ทั้ง 2 ชนิดถูกจัดเป็นเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี 2528 เพราะเข้ากับนิยามเครื่องสำอางคือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ
2.ปี 2558 มีการแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องสำอางใหม่ มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ทำให้ “ผ้าอนามัยชนิดสอด” หลุดจากคำนิยามของเครื่องสำอาง แต่ผ้าอนามัยใช้ภายนอก ยังเป็นเครื่องสำอาง
3.จึงเป็นเหตุผลให้ต้องออกกฎกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง
4.ผ้าอนามัย เป็น 1 ใน รายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ ถึง 30% ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่นๆ"
น.ส.ไตรศุลี อธิบายเพิ่มเติมว่า "พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ กฏกระทรวงได้เปลี่ยนประเภทผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอาง (ตามนิยามของ พรบ เครื่องสำอาง) โดยที่ไม่ได้จะจัดเก็บภาษีเพิ่มแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นทางภาษีที่เข้าใจผิดกัน อธิบายคร่าวๆ คือ
ภาษีนำเข้า - ศุลกากรเก็บ
- เครื่องสำอาง มีภาษีอยู่ที่ 30%
*** แต่ไม่ได้เก็บผ้าอนามัย เพราะไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย คนเลยอาจจะเข้าใจผิด
ภาษีมูลค่าเพิ่ม - สรรพากรเป็นคนเก็บ
ดังนั้นทุกวันนี้ที่เราซื้อของ เราก็ไม่ได้จ่ายภาษีนำเข้า แต่เราจะมี Vat 7% ที่ต้องจ่ายรวมในราคาของเป็นปกติอยู่แล้ว
ทั้งที่จริงเค้าแค่ออกประกาศว่าให้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอาง ไม่เกี่ยวกะภาษี"