ทักษิณครวญ "ขอบคุณที่ซ้ำเติม" ถอดยศ

ทักษิณครวญ "ขอบคุณที่ซ้ำเติม" ถอดยศ

ทักษิณครวญ "ขอบคุณที่ซ้ำเติม" ถอดยศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทีมทนายแม้ว ยก รธน.อ้าง สตช.-นายกฯ ไม่มีอำนาจถอดยศ-ริบคืนเครื่องราชฯ เหตุเป็นอำนาจพระมหากษัตริย์เท่านั้น

(28ต.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พิมพ์ข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ตอบโต้กรณีกฤษฎีกาให้ถอดยศและริบคืนเครื่องราชอิสรยาภรณ์ โดยกล่าวว่า "ขอขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใยเรื่องรัฐบาลจะถอดยศผม เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับรัฐบาลนี้ ถ้าเขาสามารถหากฎหมายมาอ้างแล้วฆ่าผมได้ เขาทำไปนานแล้วครับ"

ขณะเดียวกันยังเขียนข้อความเพิ่มเติมว่า "ตามทฤษฎีการบังคับใช้กฎหมาย ก็เพื่อให้เกิดสันติเกิดความเป็นธรรมและต้องใช้อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค แต่รัฐบาลเลือกบังคับใช้กฎหมายเพื่อผลการเมือง"

นอกจากนี้ยังตอบความเห็นไปยังแฟนคลับที่ให้กำลังใจว่า "ใครจำเพลงของธเนศได้บ้าง ที่ว่า ขอบคุณที่ซ้ำเติม จุดเดิมที่เคยเจ็บ เจ็บอย่างเดิมที่เคยเจอมาก่อน ผมว่าผมต้องหัดร้องเพลงนี้ไว้กล่อมเด็กดีกว่า"

ขณะที่นายพิชิฏ ชื่นบาน อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีที่ดินรัชดาฯ ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง "ถอดยศและริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีเนื้อหาระบุว่า คณะที่ปรึกษากฎหมายและทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตรวจสอบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว เห็นว่ากรณีนี้ยังไม่สามารถนำมาเป็นเหตุที่สมควรโดยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ในอันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี จะอาศัยเป็นเหตุให้มีการถอดยศและริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ โดยมีเหตุผลในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังนี้

1.ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนี้ คือ ได้มีประชาชนจำนวนหลายล้านคนเข้าชื่อจัดทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์ในการขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นกรณีที่อยู่ในระยะเวลาที่รัฐบาลมีหน้าที่จัดทำความเห็นถวายรายงานต่อพระมหากษัตริย์ในเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษให้เสร็จสิ้นกระบวนการเสียก่อน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะอาศัยเหตุตามคำพิพากษาถึงที่สุดที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินการเพื่อถอดยศและริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่ยังมิได้มีพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว

2.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 11 บัญญัติว่า "พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะสถาปนาฐานันดรศักดิ์ และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์" และมาตรา 192 "พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการถอดถอนฐานันดรศักดิ์และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์" การถอดถอนฐานันดรศักดิ์และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถือเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ ที่จะประกาศเป็นพระบรมราชโองการ ดังนั้น ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 28 และระเบียบสำนักนายกรัฐนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ถือเป็นระเบียบที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ต้องห้ามตามมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เนื่องจากระเบียบดังกล่าวไปกำหนดกฎเกณฑ์ เงื่อนไข การใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ไม่มีหน้าที่ในอันที่จะถอดยศหรือริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงมีหน้าที่เพียงถวายรายงานต่อพระมหากษัตริย์ว่ามีข้อเท็จจริงใดที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น และการดำเนินการดังกล่าวต้องเป็นไปตาม มาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ต้องยึด "ตามหลักนิติธรรม" และคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และหลักความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30, 31

3.ก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ออกระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมิได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตในการออกระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ ดังเช่นเดียวกันกับการที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในอันที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตในการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะดำเนินการในเรื่อง "ถอดยศ" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด เพราะจะเป็นการก้าวล่วงต่อพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์

4.โดยข้อเท็จจริงการดำเนินการเพื่อถวายรายงานต่อพระมหากษัตริย์ในการขอถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น มิใช่เป็นการบังคับว่าต้องทำทุกเรื่อง ซึ่งข้อเท็จจริงที่ผ่านมามีข้าราชการตำรวจและข้าราชการพลเรือนจำนวนมากที่อยู่ในเงื่อนไขของระเบียบทั้งสองฉบับดังกล่าว แต่ก็ปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเพื่อขอถอดยศตำรวจมีน้อยรายมาก รวมถึงการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของข้าราชการเหล่านั้นด้วย กรณีนี้จึงเห็นเจตนาของรัฐบาลโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายกรัฐมนตรี ว่าต้องการใช้ระเบียบดังกล่าวเป็นเครื่องมือทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณในทางการเมืองเท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook