บึ้มปากีสถานรับคลินตันตายเกือบร้อย

อิสลามาบัด-บึ้มตลาดปากีสถานตายเกือบร้อย รับ ฮิลลารี คลินตัน เดินทางเยือน ส่วนอัฟกานิสถาน ตาลีบันถล่มเกสต์เฮ้าส์ยูเอ็น ตาย 12

เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ถล่มตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่งในเมืองเปชวาร์ จังหวัดนอร์ทเวสต์ฟรอนเทียร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน เมื่อวันพุธ (28 ต.ค.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 91 คน บาดเจ็บอีกกว่า 200 คน นับเป็นเหตุนองเลือดครั้งรุนแรงที่สุดในรอบเดือน และเกิดขึ้นในช่วงที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางเยือนปากีสถาน เพื่อตอกย้ำความเป็นพันธมิตรต่อต้านก่อการร้ายระหว่างกัน

นางคลินตัน ซึ่งประกาศว่าจะให้เงินช่วยเหลือปากีสถาน เดินทางถึงกรุงอิสลามาบัดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยแพทย์ประจำโรงพยาบาลเลดี รีดดิง ในเมืองเปชวาร์เผยว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ที่มักจะเดินทางไปตลาดเป็นประจำ ขณะที่เจ้าหน้าที่การแพทย์เรียกร้องขอการบริจาคเลือดมารักษาคนเจ็บ ส่วนเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดเผยว่า ยังมีผู้ติดค้างอยู่ในอาคารที่พังถล่มจากแรงระเบิด และกำลังเร่งช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ขณะที่ตำรวจเร่งอพยพประชาชนที่กำลังตื่นตระหนกออกจากพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่แก้แค้นปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มอัล-ไกดา และตาลีบันบริเวณใกล้พรมแดนอัฟกานิสถาน

ทั้งนี้ นางคลินตันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดที่เดินทางเยือนปากีสถานนับแต่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาประกาศให้ปากีสถานเป็นหัวใจหลักของการต่อสู้กับกลุ่มอัล-ไกดา และให้สงครามอัฟกานิสถาน ประเทศเพื่อนบ้านของปากีสถาน เป็นภารกิจหลักของการต่อสู้ครั้งนี้

วันเดียวกัน เกิดเหตุกลุ่มมือปืนพร้อมเสื้อกั๊กระเบิด ปลอมตัวเป็นตำรวจบุกโจมตีเกสต์เฮ้าส์ที่พักของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในกรุงคาบูล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ยูเอ็น 6 คน และมีเจ้าหน้าที่อีก 9 คนได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุยิงจรวดโจมตีรอบนอกของทำเนียบประธานาธิบดี แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจรวดอีกลูกถล่มใส่พื้นโรงแรมหรูเซเรน่า ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ จรวดลูกนี้ไม่ระเบิด แต่ทำให้ล็อบบี้ของโรงแรมเต็มไปด้วยควันไฟ จนต้องอพยพพนักงานและแขกของโรงแรมไปยังชั้นใต้ดิน

ด้านโฆษกกลุ่มตาลีบัน ที่ประกาศต่อต้านการเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ พร้อมระบุว่า ตั้งใจให้เป็นการโจมตีครั้งแรกก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ โดยจะเป็นการชิงชัยระหว่างประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ และนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ขณะที่นายคาร์ไซออกมาประณามการโจมตีว่า ไร้มนุษยธรรม พร้อมเรียกร้องให้กองทัพและตำรวจเสริมการคุ้มกันสถานที่ต่างๆ ของนานาชาติให้เข้มแข็งมากขึ้น