ฝ่ายค้านยื่น ป.ป.ช. สอบสวนประยุทธ์ ออกข้อกำหนดปิดปากสื่อขัดรัฐธรรมนูญ
นายสุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย พร้อมกับ ส.ส. คนอื่นจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนและดำเนินคดี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ออกข้อกำหนดควบคุมสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยระบุว่าเป็นข้อกำหนดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายสุทิน ที่เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย กล่าวว่า การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 172
ส.ส. รายนี้ กล่าวถึงกระบวนการหลังจากนี้ว่า หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ก็จะต้องส่งเรื่องต่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เพื่อสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ซึ่งจะกระทบต่อสถานภาพของนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งหลังจากที่ศาลแพ่งสั่งคุ้มครอง รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉย และยังเตรียมออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมสุดซอย ให้ตนเองพ้นความผิดเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนอีก เรียกว่าไม่รับผิดชอบแล้วยังหนีความผิดแบบครบวงจร
ทั้งนี้ นายสุทิน ยังกล่าวว่า ในส่วนของข้อมูลที่นำมายื่นต่อ ป.ป.ช. วันนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการนำเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านนัดหารือร่วมกันในวันพุธ (11 ส.ค.) เพื่อสรุปประเด็นและรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 5-6 คน แต่จะเน้นหนักไปที่ตัวของนายกรัฐมนตรี
สังคมรับไม่ได้กฎหมายล้างผิดคนจัดหาวัคซีน
นายสุทิน กล่าวถึงการที่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเตรียมออกกฎหมาย พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีนโควิด-19 จากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงในขณะนี้ ว่าไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้านที่รับไม่ได้ สังคมก็รับไม่ได้เช่นกัน เพราะว่าการบริหารราชการแผ่นดินที่ปรากฏชัดในวันนี้นั้นผิดพลาดล้มเหลว เมื่อมีคนจะไปร้องเอาผิดก็กลับจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง ฝ่ายค้านก็จะสู้ทุกวิถีทาง และเชื่อว่าสังคมก็จะร่วมกันต่อสู้เพราะนี่จะเป็นการสร้างมาตรฐานที่ผิดพลาด จะทำให้เป็นรัฐที่ไร้ระบบนิติรัฐนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง วันนี้ก็สามารถจะต่อสู้ในกฎหมายปกติกันได้หากว่าบริสุทธิ์ก็จะชี้แจงได้ทั้งหมด
นายสุทิน พูดต่อไปว่า หากรัฐยังเดินหน้าที่จะออกกฎหมายฉบับนี้เชื่อว่าจะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองเหมือนดังที่เกิดขึ้นในอดีตได้สูง เพราะฉะนั้นขอว่าอย่าทำเลยจะกลายเป็นวิกฤติที่ซ้อนวิกฤต ทั้งนี้ยืนยันว่าหากมีการเสนอขึ้นมาฝ่ายค้านก็จะไม่รับกฎหมายฉบับนี้อย่างแน่นอน
ด้านนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จ.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่มาร่วมยื่นหนังสือด้วย กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ถ้าเราจะช่วยกันทำให้กฎหมายแท้งก่อนที่จะออกมาเป็นพระราชกำหนดได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะพระราชกำหนดเป็นกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีสามารถประกาศใช้ได้เลย เชื่อว่าหากมีการเคลื่อนไหวกันเยอะๆ รัฐก็จะไม่กล้าทำออกมาเป็นพระราชกำหนด เพราะเหตุผลที่ 1 กรณีความจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินนั้น มองว่าไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ก็จะเสนอออกมาเป็น
พ.ร.ก.ไม่ได้ และ 2 เนื้อหาในกฎหมายที่ จะคุ้มครองผู้บริหารโดยเฉพาะเรื่องจัดหาวัคซีน ที่ชัดเจนว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ดังนั้นถ้าช่วยกันให้แท้งก่อนจะออกมาจะดีที่สุด