“ช่อ พรรณิการ์” เผยโดนติดเครื่องติดตาม หลังมีชื่อติดบัญชีภัยความมั่นคง
หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ได้เปิดเผยเอกสาร “ลับที่สุด” ที่เชื่อว่าหลุดออกมาจากหน่วยงานรัฐ ระบุรายชื่อ 183 บุคคลที่ถูกรัฐจับตามองหรือถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ล่าสุดนางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดังกล่าว ก็ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ว่า เธอได้พบอุปกรณ์ติดตามตัวแบบ GPS ติดใต้ท้องรถของเธอเมื่อหลายเดือนก่อน โดยเธอระบุว่า
“คนแสดงความเป็นห่วงกันมาเยอะเรื่องมีชื่อช่อใน watchlist ที่เป็นข่าวไปเมื่อวาน จริงๆ รู้ตัวค่ะว่ามีคนตาม หลายเดือนก่อนเอารถไปซ่อม ช่างเจออุปกรณ์ติดตามตัวแบบ GPS ติดใต้ท้องรถ ติดแน่นแข็งแรงแบบมืออาชีพ ติดมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการพูดความจริงในประเทศนี้”
หลังจากที่คุณพรรณิการ์ได้เล่าเรื่องดังกล่าวบนโซเชียลส่วนตัวของเธอ Sanook จึงต่อสายพูดคุยกับคุณพรรณิการ์ถึงประเด็นที่เธอถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและการถูกติดตาม เพราะการลุกขึ้นมาต่อสู้ทางการเมืองของเธอ
“พูดตรง ๆ เราก็ไม่สามารถไปสู้รบปรบมืออะไรได้กับคนที่ติดตามเรา เพราะเขาก็มีทั้งบุคลากร อำนาจ และอุปกรณ์ที่จะคอยติดตามเราได้ เพราะฉะนั้นเราถือว่าเราบริสุทธิ์ใจ การไปไหนมาไหนของเราไม่ได้มีสิ่งที่เป็นความลับ ที่จะไปเป็นพิษเป็นภัยกับตัวเอง กับคนอื่น หรือกับประเทศชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น อยากตามก็ตามให้เต็มที่เลย แน่นอนว่ามันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเรา” คุณพรรณิการ์เริ่มเล่า
เพราะการก้าวเข้ามาทำงานทางการเมือง ทำให้คุณพรรณิการ์เตรียมใจและรับรู้ตลอดว่าเธอโดนติดตาม ซึ่งเธอเผยว่า เธอเข้าใจว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่ายเมื่อเธอเลือกทำงานทางด้านนี้ และไม่เคยบ่นว่าอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีประชาชน คนตัวเล็กตัวน้อย และนักกิจกรรมอีกจำนวนมากที่โดนหนักกว่า และยังไม่มีแสงไฟส่องไปถึง อย่างไรก็ตาม แม้การถูกจับตามองโดยรัฐจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวและพยายามปิดปากประชาชน แต่คุณพรรณิการ์ก็มองว่า สิ่งที่ประชาชนต้องทำคือการไม่ช่วยรัฐเผยแพร่ความกลัวเหล่านั้น และการมีรายชื่อของผู้ถูกจับตาโดยรัฐถูกเปิดเผยออกมา ก็เป็นโอกาสดีที่จะช่วยกันสร้างบรรยากาศของความกล้าหาญให้เกิดขึ้นในสังคม
“พอมีเรื่อง watchlist เปิดขึ้นมา ก็จะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะพูดให้ประชาชนได้รับรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เพิ่งมี รวมถึงยังมีคนที่ไม่ได้อยู่ใน watchlist ที่ถูกติดตามก็อีกเยอะมาก อันนี้มันเป็นแค่ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็ง เมื่อคืนเปิด Clubhouse ก็ดีใจที่มีคนที่โดนตามจำนวนมากออกมาเล่าประสบการณ์ มาแชร์กันว่าคนที่ต่อสู้ พูดความจริง คนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐในประเทศนี้ โดนแบบนี้จริง ๆ ช่อคิดว่านี่เป็นวิธีการโต้กลับเท่าที่เราจะทำได้ นั่นคือทำให้ประชาชนรับรู้” คุณพรรณิการ์กล่าว “นี่คือบัญชีรายชื่อของคนที่อยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน และอยู่ฝั่งตรงข้ามประยุทธ์ จันทร์โอชา”
แม้จะถูกติดตาม ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ถูกประชาชนฝั่งตรงข้ามเข้ามาว่ากล่าวแบบไร้เหตุผลบนโลกออนไลน์ หรือถูกตะโกนด่าเวลาลงพื้นที่ คุณพรรณิการ์ก็ตอบอย่างหนักแน่นว่าเรื่องเหล่านี้ไม่กระทบจิตใจของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ช่อคิดว่าเรื่องแบบนี้ ผ่านไปจุด ๆ หนึ่ง เราก็จะแข็งแกร่งพอ ตราบใดที่เรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร เป้าหมายของการต่อสู้คืออะไร เราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร พวกนี้ก็เป็นแค่โคลนติดล้อที่ทำให้เรารู้สึกหมดพลัง รู้สึกรำคาญใจ เหมือนแมงหวี่แมงวันตอมหน้า แต่ถามว่าทำให้กลัวไหม ไม่กลัว แล้วก็พูดด้วยความสัตย์จริงว่าไม่กลัว”
“แต่ที่เราเป็นห่วงคือคนตัวเล็กตัวน้อยที่อยู่ใน watchlist และเขาอาจจะรู้สึกวิตกกังวลว่าเขาถูกคุกคาม หรือเขาถูกตามถึงบ้าน พ่อแม่เขาถูกตาม ซึ่งมันเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ช่อคิดว่าสังคมต้องช่วยกันออกมาปกป้องและจดจำทุก ๆ รายชื่อที่อยู่ในนี้ โดยเฉพาะคนที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จัก ไม่ได้เป็นที่สนใจของสังคมมากนัก แล้วประชาชนก็ต้องช่วยกันยืนยันว่าเราไม่กลัว และการที่มีรายชื่อปรากฏออกมา มันชัดเจนว่าคนที่กำลังกลัวคือรัฐบาล รัฐบาลกำลังกลัวประชาชนของตัวเอง จนถึงขั้นต้องติดตามประชาชนคนธรรมดา นักข่าว นักเคลื่อนไหว ทนายความ นักสิทธิมนุษยชน ศิลปินนักร้อง แม้แต่นักการเมืองที่โดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว” คุณพรรณิการ์กล่าวทิ้งท้าย