จำคุกนายกเล็กนครลำปางพร้อมพวกข้อหาบุกรุก
ศาลลำปางพิพากษาจำคุก "นายกเทศบาลนครลำปาง"พร้อมพวกอีก 3 ข้อหาร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านเจ้าตัวยอมรับคำพิพากษาและไม่คิดอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2552 ศาลจังหวัดลำปางได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่ นางสุปัน สุริยะวงศ์ อยู่บ้านเลขที่ 199 ถนนประตูม้า ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเทศบาลนครลำปาง โดยมี นายนิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง เป็นจำเลยที่ 1 พร้อมพวก รวม 6 คน เป็นจำเลยที่2 ในข้อหา "บุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ซึ่งก่อนหน้านี้จำเลยทั้ง 6 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และในวันนี้ทั้งโจทก์และจำเลย ได้ไปฟังคำพิพากษา พร้อมกันทั้งหมด โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 เทศบาลนครลำปาง โดยนายนิมิตร ในฐานะตัวแทนและจำเลยที่ 6 นายพินิจ สิทธิคง อดีตประธานชุมชนช่างแต้ม เป็นเวลา 1 ปี
นอกจากนี้ ศาลจังหวัดลำปาง ยังพิพากษาจำคุก นายนิมิตร จำเลยที่ 2 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำในฐานะนักการเมืองที่ต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ปรับเทศบาลฯ เป็นเงิน 10,000 บาท , ปรับนายนิมิตรฯ 10,000 บาท และปรับจำเลยที่ 6 อดีตประธานชุมชนช่างแต้ม เป็นเงิน 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 นาย เกรียงศักดิ์ วนชยางค์กูล , จำเลยที่ 4 นาย กิติภูมิ นามวงศ์ รองนายกเทศมนตรี และ จำเลยที่ 5 นายกำธร วัฒนพาณิชย์ ช่างโยธา เทศบาลนครลำปาง ศาลให้ยกฟ้อง
นายนิมิตร เปิดเผยภายหลังรับทราบคำพิพากษว่า ตนให้ความเคารพและยอมรับการตัดสินของศาล เมื่อศาลตัดสินออกมาเช่นนี้แล้วก็จะไม่มีการอุทธรณ์ และเข้าใจว่าการตัดสินต้องพิจารณาตามเอกสาร หลักฐานและพยาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เตรียมหลักฐานของตัวเองมาเป็นอย่างดี ฝ่ายตนก็เชื่อมั่นในหลักฐานทางราชการที่ยืนยันมา แต่หลักฐานของเรามีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า
ในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อใครหรือผู้อื่น เมื่อผลเป็นเช่นนี้ทำให้เกิดบทเรียนขึ้นว่า คนที่รักษาระเบียบกฎหมายหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกรมศิลปากร กรมธนารักษ์ กรมที่ดินฯลฯ จะต้องมีข้อมูลที่แน่นสอดคล้องกัน และเป็นปัจจุบันมากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเทศบาลอาจจะหละหลวม เพราะข้อมูลของกรมศิลปากร กรมธนารักษ์ หรือกรมที่ดินที่มีอยู่ ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องทางกฎหมายซึ่งกันและกัน จึงทำให้เกิดกรณีเช่นนี้บ่อย ๆ ทำให้มีการถกเถียงกันและไปสิ้นสุดกันที่ศาล
"ผมเป็นนักการเมือง มีความรู้ทางกฎหมายน้อยกว่าคนเหล่านี้ เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ซึ่งไม่ได้เครียดกับผลที่เกิดขึ้น และหลังจากนี้จะต้องใช้ความคิดอย่างละเอียดรอบคอบในเรื่องที่จะพิจารณาความรับผิดชอบของตัวเองว่าจะทำอย่างไรต่อไป" นายนิมิตรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากทางเทศบาลนครลำปาง ได้จัดสร้างลานออกกำลังกาย เพื่อให้ประชาชนได้มาเต้นอาราบิก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้น เป็นพื้นที่ว่างเปล่า อยู่ในเขตกำแพงเมืองของชุมชนช่างแต้ม ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้าง ทางเทศบาลได้ทำหนังสือไปยังกรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถดำเนินการได้หรือไม่ จนได้รับหนังสือว่า ไม่มีผู้ครอบครอง เพราะเป็นพื้นที่กำแพงเมืองเก่า
กระทั่งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ปรากฏว่า มีผู้ออกมาทักทวงเทศบาล ว่า ทางเทศบาลนครลำปาง ได้บุกรุกพื้นที่ ที่มีผู้ครอบครอง จึงเกิดการแจ้งความดำเนินคดี และฟ้องร้องเกิดขึ้น เมื่อพบว่าพื้นที่ดังกล่าว ไม่มีโฉนดที่ดิน แต่เป็นพื้นที่ ที่มีการซื้อขายเป็นมรดกตกทอดกันมานาน ซึ่งข้อมูลพื้นที่เมืองเก่า ของกรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เกิดความสน จนทำให้ทางเทศบาลทำผิดด้วยการบุกรุกที่ดินที่มีผู้ครอบครอง