หมอสาวร่ำไห้ขอโทษ พาแม่-พี่สาวฉีดไฟเซอร์ อ้างเป็นวัคซีนเหลือทิ้งก้นขวด ไม่ได้แย่งด่านหน้า

หมอสาวร่ำไห้ขอโทษ พาแม่-พี่สาวฉีดไฟเซอร์ อ้างเป็นวัคซีนเหลือทิ้งก้นขวด ไม่ได้แย่งด่านหน้า

หมอสาวร่ำไห้ขอโทษ พาแม่-พี่สาวฉีดไฟเซอร์ อ้างเป็นวัคซีนเหลือทิ้งก้นขวด ไม่ได้แย่งด่านหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอสาวร่ำไห้ขอโทษที่คิดน้อยไป พาแม่-พี่สาวฉีดไฟเซอร์ อ้างเป็นวัคซีนเหลือทิ้งก้นขวด ด่านหน้าทุกคนได้ฉีดหมดแล้ว

ความคืบหน้า จากกรณี พญ.รายหนึ่งที่ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พาญาติไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง   จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง และ พญ.คนดังกล่าวได้ยื่นใบลาออก  ซึ่งการตรวจสอบพบพี่สาวของ พญ.คนดังกล่าวได้ฉีดไปแล้ว ส่วนแม่ยังไม่ได้ฉีด 

จนล่าสุดวันนี้ พญ.คนดังกล่าว อายุ 27 ปี ได้เปิดเผยว่า "วัคซีนดังกล่าวเหลือก้นขวดที่ต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงคิดว่าน่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กว่าทิ้งถังขยะ หลังจากฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้า รพ.นบพิตำ จำนวน 66 คน และถามทีมฉีดวัคซีนว่า มีวัคซีนเหลือก้นขวดบ้างไหม ทีมฉีดวัคซีนก็ตอบว่า บางขวดก็เหลือบางขวดไม่เหลือ  ตนเลยถามว่า ขวดที่เหลือหมอขอได้ไหม เพื่อจะฉีดให้แม่กับพี่สาว จึงโทรไปหาพี่สาวให้ขับรถพาแม่มาด้วย โดยบอกว่ามีวัคซีนก้นขวดที่เขาทิ้งแล้วจะฉีดไหม พี่สาวบอกว่าเอา และด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เอาวัคซีนก้นขวดที่เหลือที่ทิ้งถังขยะมาฉีดให้พี่สาว จนทาง ผอ.รพ.ทราบจึงสั่งระงับ ทำให้แม่ไม่ได้ฉีด พร้อมปฏิเสธว่า  "ตามที่เป็นข่าวทางสื่อบางสังกัดว่า หมอเบียดบังเอาวัคซีนโดสที่ 6 ฉีดให้แม่นั้นไม่เป็นความจริง"

เมื่อพี่สาวมาถึง ตนจึงให้เข้าไปนั่งในจุดที่ฉีดวัคซีนด้วย ทุกคนก็นั่งอยู่ ตนไม่ได้เบียดบังไปแย่งใคร ยืนยันว่าวัคซีนที่ฉีดให้พี่สาวเป็นวัคซีนที่ทิ้งแล้ว เพราะคิดว่าอย่าทิ้งเลยมันเสียดาย หากไม่บริสุทธิ์ใจจริงๆ ตนก็บอกพยาบาลว่า หมอเอาไปฉีดให้พี่สาวเอง ฉีดที่ไหนก็ได้ไม่ให้ใครเห็น  แต่ด้วยความที่บริสุทธ์ใจ และคิดน้อยไปจึงให้พยาบาลฉีดให้พี่สาวตรงนั้น จนทำให้คนบางคนที่ไม่เข้าใจ บอกว่าตนไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้ามาหรือเปล่า  มันเป็นวัคซีนที่เหลือก้นขวดทิ้งถังขยะแล้วจริงๆ ซึ่งบุคลากรด่านหน้าทั้ง 66 คน ได้รับวัคซีนครบแล้ว ยอมรับว่าพาพี่สาวและแม่มาด้วย แต่แม่ไม่ได้ฉีด เพราะมีบุคลากรรายงานให้ ผอ.รพ.นบพิตำ ว่ามีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งเขาก็ทำถูกต้องแล้ว จนทาง ผอ.รพ.สั่งระงับ ซึ่งตนทำงานสุ่มเสี่ยงมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถเอาวัคซีนก้นขวดที่ทิ้งไปแล้วมาฉีดให้กับแม่กับพี่สาวได้เพื่อให้เขาปลอดภัย

พญ.ยังกล่าวอีกว่า ตนทำงานที่ รพ.นบพิตำ คลุกคลีกับผู้ติดเชื้อแต่ต้องกลับไปนอนกับแม่กับพี่สาว เป็นคนเสี่ยงและเสียสละอยู่ด่านหน้า ไม่สามารถที่จะดูแลปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองได้เลยหรือ ตนขอโทษประชาชนทุกคนจริงๆ ที่เห็นแก่ตัว มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหว ตนน้อยใจ เสียใจที่เกิดเรื่องขึ้นจึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออก แต่กลับไปทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่ทำมันถูกไหมที่ชิงลาออก ประกอบกับหมอที่ รพ.นบพิตำ มีน้อยมากเพราะเป็น รพ.ขนาดเล็ก  หากตนออกไปอีกคนก็จะไม่มีคนที่จะช่วยงานในส่วนเหล่านี้  ล่าสุดได้ตัดสินใจกลับมา รพ.และไปเอาใบลาออกกลับคืนมา

“หมอจะสู้ต่อเพื่อคนนบพิตำ เพื่อคนไข้และจรรยาบรรณของหมอ แม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างหนัก ต้องกราบขออภัยด้วย และยืนยันว่าหมอไม่ได้ไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้า เพราะทุกคนเป็นคนที่หมอรัก หมอรู้จัก เป็นเพื่อนร่วมงาน หมอไม่มีทางที่จะแย่งของเขามาอย่างแน่นอน หมอขอโทษที่คิดน้อยไป ที่ว่าการที่เราไปหยิบวัคซีนที่เขาทิ้งถังขยะมันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิด ไม่ดี”  พญ.กล่าวทั้งน้ำตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook