ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "สาธิต รังคสิริ" อดีตอธิบดีสรรพากร คดีทุจริตกว่า 3,000 ล้าน

ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "สาธิต รังคสิริ" อดีตอธิบดีสรรพากร คดีทุจริตกว่า 3,000 ล้าน

ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "สาธิต รังคสิริ" อดีตอธิบดีสรรพากร คดีทุจริตกว่า 3,000 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุกตลอดชีวิต “สาธิต รังคสิริ” อดีตอธิบดีกรมสรรพากร จากคดีที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำการทุจริตคืนภาษี ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินกว่า 3,000 ล้านบาท

วันนี้ (19 ส.ค ) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.126/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริต 1 ยื่นฟ้อง นายสาธิต รังคสิริ จำเลยที่ 1, นายศุภิจ หรือสิริพงศ์ ริยะการ หรือ ริยะการธีรโชติ อดีตสรรพากรพื้นที่ กทม. เขต 22 (บางรัก) จำเลยที่ 2, นายประสิทธิ์ อัญญโชติ จำเลยที่ 3, นายกิติศักดิ์ อัญญโชติ จำเลยที่ 4 ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

จากกรณี เมื่อระหว่างวันที่ 20 พ.ค. 55 ถึงวันที่ 26 ต.ค. 56 พวกจำเลยร่วมและสนับสนุนการกระทำความผิด คือ ร่วมกันขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยแสดงข้อความเท็จหลอกลวงกรมสรรพากร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรและรัฐโดยทุจริต

พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งนั้น ไม่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นการฉ้อฉลนั้นถูกปกปิด จนที่สุดจำเลยที่ 2 ด้วยความรู้เห็นเป็นใจของจำเลยที่ 1 ได้พิจารณาอนุมัติคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งจำนวนหลายครั้ง

ในการนี้ นายประสิทธิ์ อัญญโชติและนายกิติศักดิ์ อัญญโชติ ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกัน กับพวก ได้มารับเอาเงินจำนวนตามที่ได้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทนิติบุคคลทั้ง 25 แห่งดังกล่าว ไปแบ่งปันกันโดยทุจริตกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ได้นำเงินบางส่วนที่ได้รับแบ่งปันโดยทุจริตไปซื้อทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว

การกระทำของพวกจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจของตนไปโดยมิชอบและทุจริตเบียดบังเงินของรัฐที่อยู่ในอำนาจจัดการดูแลเก็บรักษาของตน ไปเป็นของตนเองและบุคคลอื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และรัฐ ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 3,097,016,533.99 บาท

พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย แต่เพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต

ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 3 ร่วมกันชดใช้เงิน 3,097,016,533.99 บาท แก่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และนับโทษของจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำ ฟย.23/2560 (หมายเลขแดง ฟย.47/2561) ของศาลอาญา

และริบของกลางทองคำแท่ง น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 7,000 บาท ทองคำตามคำขอท้ายฟ้อง และทองคำแท่งทุกรายการที่ส่งมอบแก่คณะกรรมการจัดการทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 62 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก รวมทั้งให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook