"ต้นหอม" เผยเรื่องราวหัวใจเพิ่งรู้จักความรักที่ดี วางแผนหลังเกษียณซื้อที่ทำฟาร์มเกษตร

"ต้นหอม" เผยเรื่องราวหัวใจเพิ่งรู้จักความรักที่ดี วางแผนหลังเกษียณซื้อที่ทำฟาร์มเกษตร

"ต้นหอม" เผยเรื่องราวหัวใจเพิ่งรู้จักความรักที่ดี วางแผนหลังเกษียณซื้อที่ทำฟาร์มเกษตร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ไม่ห่วงเรื่องโรงเรียนลูก เข้าใจความหลากหลายทางเพศ รู้ซึ้งโควิดทำชีวิตไม่แน่นอน เคลียร์ข่าวลือทิ้งวงการบันเทิงขอผันตัวไปเป็นเกษตรกร ในรายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี ธัญญ่าธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

พัฒนาการของน้องปกป้องเป็นอย่างไรบ้าง

ต้นหอม : "หอมว่าช้ากว่าปกติ เพราะอย่างน้องไทก้า หรือน้องวินลูกหนูเล็กนี่จะพูดได้แล้ว แต่ปกป้องจะพูดเป็นคำไม่พูดเป็นประโยชน์ สื่อสารได้รู้เรื่อง แต่ให้พูดเป็นประโยคจะไม่พูด อย่างเช่นถ้าถามว่าปกป้องอายุเท่าไหร่ อายุ 4 ขวบ เขาจะไม่ตอบแบบนี้ แต่หอมไม่ได้กังวลว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะพัฒนาการเขาก็เหมือนคนอื่น คือ เริ่มเดิน เริ่มพูด เพียงแต่ว่าเขาจะพูดเป็นคำ อาจจะเป็นเพราะบ้านหอม พอแขมา (รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น) ก็พูดสวีดิช หรืออาจจะเป็นที่ตัวเราด้วยพูดกับเขาน้อยหรือเปล่า" 

มีปรึกษาคุณหมอเรื่องลูกไหม

ต้นหอม : "คุณหมอจะบอกว่า 2 ขวบ เขาจะต้องทำอันนี้ได้แล้วนะ คือเขาจะให้โจทย์เรามา อย่างเช่นน้องจะต้องฉี่ในกระโถน น้องต้องบอกถ้าปวดฉี่ เราก็สอนเขา ซึ่งเขาก็ปฏิบัติตาม ก็เหลือแค่เรื่องพูดเป็นประโยคนี่แหละ" 

คิดอย่างไรกับการที่ชาวเนตมาช่วยเลี้ยงลูก 

ต้นหอม : "หอมชอบนะที่แม่ๆ ให้ประสบการณ์มา อย่างเวลาหอมมีปัญหาอะไร หอมจะถามชาวเนตก่อนเลย อย่างแม่ๆ คะลูกไม่พูด ก็จะมีคนแนะนำมาหลากหลายเป็นสิบๆ วิธีเลย แล้วเราก็เลือกเอาวิธีสมเหตุสมผลมาใช้ ซีงเราชอบ แต่ที่ไม่ชอบคือการที่ชาวเนตวิพากษ์วิจารณ์ เช่นว่าเราเลี้ยงลูกให้เป็นสาวเป็นตุ๊ด หรือให้ตุ๊ดมาเลี้ยงลูกวันหนึ่งลูกโตขึ้นมาจะเสียใจนะ คือคำวิจารณ์มากกว่าที่เรารู้สึกไม่อยากให้ลูกอ่าน เมื่อเขาโตมา แต่แม่ไม่เป็นไรอยู่แล้วเพราะแม่สตรองมาก แล้วหอมก็เข้าไปตอบเขาด้วยนะว่าทำไมต้องเสียใจ ถ้าลูกจะเป็นอะไร หน้าที่ของพ่อแม่ ความสุขของลูกคือที่หนึ่ง ถ้าวันนี้คุณแม่ยังไม่ทำ ทำนะคะ" 

แต่ก็มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำให้คนสงสัยว่าน้องปกป้องเป็นหรือเปล่า

ต้นหอม : "ก็ใช่ อย่างคุณบอย พิษณุ ฟันธงเลยว่าเป็นตุ๊ด คือภาพลักษณ์ที่เราสื่อออกไปมากกว่า คือถ้าเขาทำอะไรปกติเราไม่ถ่ายคลิปหรอก แต่ถ้าเขาทำอะไรแปลกๆ เราถึงจะถ่ายคลิป คือปกป้องเนี่ย ด้วยความที่เขามีพี่สาว ของเล่นของผู้หญิงก็จะมีสีสันสดใส มีอะไรใหม่ เด็กผู้ชายไม่ค่อยมีของ อย่างยาทาเล็บมันมีสี ซึ่งปกป้องเป็นคนที่ชอบสีสัน ยาทาเล็บก็ใช้กับเล็บ เขาก็เอามาทาเล็บ ซึ่งวันนั้นลุงแขก็อยู่ด้วย หอมก็ถามแขว่าเอาอย่างไรลุงแข ทาเล็บแล้ว ลุงแขก็ถามว่าแล้วเล็บนี่ล้างออกได้หรือเปล่า เป็นเคมีหรือเปล่า คือเขาไม่ได้ห่วงว่าลูกจะเป็นตุ๊ดหรืออะไร แต่เขาห่วงสุขภาพเด็กมากกว่า หอมก็ไม่ได้ตำหนิ เพราะหอมถือว่าถ้าเขารู้ว่า ยาทาเล็บใช้กับเล็บ หวีใช้กับผม ลิปสติกใช้กับปาก มันถือว่าเป็นพัฒนาการ"  

เห็นว่ามีทาลิปด้วย 

ต้นหอม : "มีทาลิปเพราะแม่นั่งแต่งหน้าจะไปทำงาน เขาก็จำแม่ ก็ทาตามแม่ คือบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไม่เราไม่ห้ามลูก คืออย่างที่บอกว่าปกป้องพัฒนาการช้ากว่าคนอื่น เมื่อเขาพูดไม่รู้เรื่อง สิ่งที่หอมสอนก็คือ สิ่งของชิ้นนี้ใช้กับอะไร ถ้าเขารู้ว่าสิ่งของชิ้นนี้ใช้กับอะไรก็โอเค เดี๋ยวไว้เขาโตค่อยบอกเขาว่าสิ่งของชิ้นนี้ไม่เหมาะกับผู้ชายนะ" 

(ภาพน้องปกป้องสวมชุดผู้หญิง) ส่วนนี่ก็เอาชุดพี่สาวมาใส่ คือตอนนี้ปกป้องจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ คือเห็นเราใส่เสื้อใน เขาก็ใส่ตาม แต่หอมว่าเขาไม่เป็นหรอกเพราะเขามีความเจ้าชู้ ถ้าผู้หญิงทรงหมวยๆ   ผมยาว ถ้าเข้าบ้าน เขาก็จะไม่ไปไหนเลย อย่างได๋ ไดอาน่า เก๋ ชลลดา หนิง ปณิตา เข้าไปได้เลย 

อยากเลี้ยงลูกให้เป็นแบบไหน 

ต้นหอม : "หอมอยากเลี้ยงลูกให้รู้จักทุกชนชั้น คือหอมมาจากหลายชนชั้นมาก ตั้งแต่ชนชั้นล่าง หอมก็เลยจะรู้ว่าแต่ละชนชั้นแตกต่างกัน หอมเคยไปเจอคนชนชั้นบน หอมก็จะแบบทำไมเรื่องแบบนี้เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้อยู่สังคมกลางตลาดๆ  ตลาดในที่นี้คือความแมสของชนชั้นกลาง คนที่เขาอยู่บนสุดเลยเขาไม่เคยต้องทำอะไรเอง บางเรื่องเขาไม่รู้ เราก็เลยรู้สึกว่า ถ้าวันนี้ปกป้องมาอยู่ในจุดที่แม่สบายแล้ว เขาก็จะสตาร์ที่บน  เขาจะไม่เข้าใจคนที่แย่กว่าเรา หอมเลยอยากให้ปกป้องทำอะไรเองได้ทั้งหมด ดังนั้นแรงงานทุกอย่างปกป้องต้องได้ทำ ไม่ใช่ว่าแม่เป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว ลูกมาเป็นเจ้าของเลย ไม่ใช่ ลูกต้องไต่จากพนักงานขึ้นมา อันนี้คือเจตนาของหอมว่าต้องรู้จักทั้งหมดในการไต่เต้า ต้องรู้จักตั้งแต่ขั้น 1  ดังนั้นปกป้องมีฝึกงานเป็นพนักงานขายมีแน่นอน เพราะหอมกลัวมากเรื่องเหยียดคน เพราะว่าเด็กอยู่กับเรา ลูกดาราทุกคนถูกสปอย แล้วจะไม่รู้มารยาทหรือความก้าวร้าว ลูกน่ารักสำหรับเราแต่อาจจะไม่น่ารักสำหรับคนอื่น ดังนั้นลูกจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องน่ารักสำหรับทุกคน" 

แล้วเรื่องโรงเรียนมีแพลนให้ไปเรียนเมื่อไหร่

ต้นหอม : "ปกป้องมีจองที่เรียนไปแล้ว เพราะเวลาเรียนอินเตอร์มันเข้ายากมาก มันต้องจองล่วงหน้า ก็จองเรียบร้อยแล้ว แต่โดยเกณฑ์ เขาจะต้องเข้าปีหน้า แต่หอมรู้ว่าปีหน้าเขายังไม่พร้อมหรอก สถานการณ์ก็ยังไม่พร้อม น่าจะอีก 2 ปี"

มีสอนอะไรเป็นพิเศษ สำหรับการเข้าโรงเรียน 

ต้นหอม : "คือเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คนโตกับคนเล็กจะแตกต่างกันมาก คนโตจะเป็นสายครีเอทีฟแต่การเรียนจะไม่ได้  ส่วนปกป้องการเรียนได้แต่ครีเอทีฟไม่ได้ ให้เขามาทำความคิดสร้างสรรค์จะไม่ มีน้อยมาก แต่ถ้าให้เขาท่องจำ ปกป้องจะมีเยอะจนหอมตกใจ" 

"คือเวลาที่หอมไปอาบน้ำ หอมจะเปิดทีวีไว้เพื่อลูกจะได้ไม่วิ่งไปไหน ซึ่งวันนั้นจะเป็นเรื่องตัวเลข แล้ววันหนึ่งหอมก็ไปโรงแรม ลูกก็ชี้แล้วก็บอกหอมว่า ทรี เราก็มองเขาใจก็นึกว่าฟลุคหรือเปล่า แล้วพอผ่านหน้าห้องโรงแรม เขาก็ไล่เลขตามห้องโรงแรม  ซึ่งเราก็รู้สึกว่าอย่างน้องก็ทดแทนสิ่งที่เขาพูดช้า เพราะความจำเขาดีมาก เขาจะได้ทั้งเรื่อง สี สัตว์ ตัวเลข ซึ่งหอมก็ไม่รู้จะสอนอะไรแล้ว" 

ถามหน่อยถ้าอนาคตเขาจะเลือกในสิ่งที่เขาเลือกหอมจะว่าอย่างไร

ต้นหอม : "มีคนเคยถามว่าถ้าลูกจะเป็นตุ๊ด หอมก็ไม่ได้รู้สึก เพราะในความรู้สึกของหอมคนบนโลกไม่ได้มีเพียงแค่ 2 เพศ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ คือหอมไม่ได้รู้สึกว่าคนบนโลกมีเพียงแค่ 2 เพศมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นการที่ใครสักคนแตกต่างจากเรามันไม่ใช่เรื่องผิด แล้วเราทุกคนบนโลกนั้นแตกต่างกัน เพียงแต่ว่า เราทุกคนอยู่ร่วมกันได้ ฉะนั้นไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ความสุขของลูกคือที่หนึ่ง และความสุขของลูกจะต้องไม่กระทบให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้าวันนี้ลูกจะเป็นตุ๊ดแล้วแม่ไม่เดือดร้อน คนอื่นไม่ต้องเดือดร้อน แต่ถ้าวันไหนลูกไปกระทบคนอื่นแล้วคนอื่นเดือดร้อน อันนี้หอมจะเข้ามาละ" 

เห็นว่าต้นหอมไม่อยากเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวอันนี้หมายความว่าอย่างไร

ต้นหอม : "ก็คืออยากให้ความสุขเขา ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร อะไรที่เป็นความสุขเขามันทำให้เขาเจริญขึ้นเราพร้อมที่จะซัพพอร์ตเต็มที่ แต่หอมเป็นคนขี้บ่นนะ ด้วยความที่บ้านเลี้ยงมาดุ ลูกทำอะไรก็จะดุลูก ซึ่งหอมเองก็ไม่ได้เป็นคนใจเย็น รู้ว่าอันนี้มันก็ไม่ดี แล้วลูกก็ไม่รู้เรื่องหรอกเพราะเขายังเด็ก เห็นอะไรไม่ถูกเราก็จะบ่น ไม่ได้ๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว เราต้องมีเกณฑ์ว่าห้ามลูกได้แค่ไหน อย่างเมื่อไหร่ก็ตามถ้าลูกเล่นของที่อันตรายเราจะห้าม ฉะนั้นการหยอดลิปสติกลงชักโครกมันไม่อันตรายแค่สกปรกเราก็จะไม่ดุ อย่างเอาเครื่องสำอางค์ครีมแพงโกยไปทิ้ง เราก็จะพูดกับเขาดีๆ ว่าคุณแม่ขอนะ แต่เขาก็ไม่รู้เรื่องหรอก เพราะเด็กเขายังไม่รู้ความแตกต่างเรื่องราคา" 

เห็นว่าหอมเองเคยตั้งปณิธานเกี่ยวกับลูกเรื่องอะไร

ต้นหอม : "ก็เรื่องไม่เห็นแก่ตัว แล้วเรื่องที่เราจะเลี้ยงลูกแบบไหน ให้เขาได้เลือกเอง เช่นถ้าลูกพาผู้หญิงที่เราไม่ถูกใจมาจะรับได้ไหม คือหอมอาจจะไม่ชอบ แต่หอมจะไม่ห้ามเพราะเรารู้ว่าไม่ควรห้าม" 

เห็นว่าตอนนี้พี่สาวปกป้องก็เรียนออนไลน์

ต้นหอม : "คือทาร่าจะแก่กว่าปกป้องแค่ปีเดียว แต่นิสัยแตกต่างกันมาก เพราะปกป้องเจอคนตั้งแต่เด็ก แต่ทาร่าไม่ค่อยเจอคน แล้วเขาเพิ่งไปเรียนโรงเรียนได้แค่เทอมหรือสองเทอม กำลังอยู่ในช่วงปรับตัว  โรงเรียนเจอโควิด พอเจอโควิดปุ๊บเขาต้องอยู่แต่ในบ้าน วันหนึ่งพาไปปั่นจักรยานนอกบ้าน แค่รถขับผ่านเขาเหมือนสติลนลาน เพราะเขาไม่ได้ออกมาเจอสังคม ทั้งๆ ที่วัยเขาควรที่จะได้เรียนรู้แล้ว เราก็เลยอยากให้โควิดหายเร็วๆ เขาก็บอกเราว่าเขาอยากไป เขาคิดถึงโรงเรียน แต่อยู่ที่บ้านเขาก็สนุก เราก็เลยกลัวว่าถ้าวันหนึ่งโรงเรียนเปิด หรือต้องย้ายโรงเรียนเขาจะรับได้ไหม" 

อย่างเรียนออนไลน์ เขาไม่เรียน เพราะเขาเพิ่งเข้าไปได้แค่เทอมสองเทอมเท่านั้น เขายังไม่คุ้นชิน อยู่ดีๆ จะให้เขามานั่งหน้าจอเขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วเราแก้ไขอย่างไร

ต้นหอม : "ไม่ซีเรียสเลย เรื่องในตำราหอมไม่ซีเรียสเลย โตก็เรียนทัน หอมซีเรียสเรื่องทัศนคติมากกว่า เพราะมันปรับยาก และเขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์กับสิ่งรอบตัวเยอะ  คือเรื่องเรียนไม่เป็นไร อย่าง ก ไก่ ข ไข่ หอมก็สตาร์ทตอน ป.2" 

มาพูดเรื่องโควิดบ้างดีกว่า เห็นว่าเอาเงินไปช่วยโควิด 1.5 ล้าน

ต้นหอม :  "เรียกว่าเอาเงินที่ขายของไปทำบุญดีกว่า คือทางบริษัทก็ปรึกษากัน คือทุกคนก็เป็นสายบุญ เราก็เลยทำเป็นโปรเจคขึ้นมา ขายของได้เท่าไหร่ไม่หักค่าใช้จ่ายเอาเงินทำบุญ คืนนั้นคืนเดียว ขายได้หนึ่งล้าน ขายไม่กี่ชั่วโมงเอง คือคนมาซื้อของ บางคนให้เงินเกินราคาของ พอรวบรวมเงินมันก็ได้ทั้งหมดประมาณล้านห้า เราก็เอาเงินตรงนี้ไปซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน ซึ่งตอนแรกเราเอาเงินให้พี่บุ๋มไปแล้ว 20 เครื่องเป็นเครื่องออกซิเจน แต่ปรากฏว่าซื้อผิดแต่มันก็ใช้ได้ แต่มันไปอยู่ในบ้านคนไม่ได้ ซึ่งเครื่องผลิตออกซิเจนที่เขาอยากได้คือไว้ในบ้านได้แล้วเอาไว้สำหรับคนที่เป็นโควิด ซึ่งราคามันก็ต่างกัน ราคาเครื่องออกซิเจนที่ใช้กับคนที่เป็นโควิดราคาจะสูงกว่าปกติ ซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องราคา แต่เราก็ซื้อเรียบร้อย แล้วก็ส่งต่อ นอกจากนี้ก็มีทำกล่องปันสุข" 

เห็นมีข่าวประกาศขายคอนโด เรื่องเป็นอย่างไร 

ต้นหอม : "หอมเป็นคนชอบประกาศขายของ เพราะรู้สึกสะใจมากเลย เพราะพอหอมประกาศขายปุ๊บ ไม่นาน ของจะโซลเอ้าท์ เพราะว่าคนมั่นใจว่าของดีและถูก ไม่ว่าจะเป็นรถมินิ หอมขึ้นแป๊บเดียว แล้วคนที่ซื้อกับหอมเขาจะสนุกมาก สมมติขายรถราคา 1 ล้าน หอมก็จะขึ้นราคา 850,000 คนก็จะขอดูรถหน่อย แล้วรถมินิจะเป็นรถในฝันของใครหลายคน คนก็จะเข้ามาแข่งกันซื้อ แล้วส่วนใหญ่คนที่ได้คือ หนูขอวางเงินจองเลยค่ะ โดยไม่ดูของ แล้วคอนโดหอมก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งคนมาดูเขาก็บอกว่าคอนโดหอมสวยมาก อยู่ใจกลางเมือง และราคาไม่แพง หอมก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีคนเอาเลย โดยไม่ดูของ" 

อยากรุ้ว่าขายคอนโดเพราะอะไร 

ต้นหอม : "หอมทำบ้านเสร็จแล้ว จริงๆ คอนโดไม่ได้อยากจะขายเพราะมันอยู่ใจกลางเมืองแล้วบางทีลูกต้องไปเรียน จะได้เดินทางใกล้ๆ แต่พอเราไปอยู่บ้านเราก็ไม่อยากอยู่คอนโดแล้ว เราก็กลัวคอนโดมันโทรม เราก็เลยขายเอาเงินก้อน เพราะจะใช้เช่าอยู่ก็กลัวคนไม่รักษาห้อง เพราะเราเป็นคนรักษาของ ก็เลยปล่อยขาย ปล่อยไปแค่ 24 ชั่วโมง คือตอนนี้เขากำลังดูอยู่ว่าทางแบงค์จะอนุมัติไหม ตอนนี้ผลยังไม่ออก ใครสนใจก็ติดต่อมาได้ คอนโดหอมขาย 3 ล้าน 3 เนื้อที่คอนโดคือ 1 ห้องนอน 42 ตารางเมตร และคอนโดนี้ดีตรงที่ใกล้ทางด่วน ใกล้รถไฟใต้ดิน และไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ แต่ก็มีคนมาถามว่าขายคอนโดเพราะมีปัญหาเรื่องโควิดหรือเปล่า หอมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน ช่วงโควิด" 

มีคนจีบไหม 

ต้นหอม : "ไม่มี ส่วนหนุ่มตี๋ก็แยกทางกันแล้วเพราะเขาก็ต้องกลับไปอยู่ประเทศของเขา คือเราขอบเขามากนะแต่พอเราคุยกันแล้วมันไม่เวิร์ค เราเป็นคนติดแฟนงุ้งงิ้ง แล้วเขาต้องไปทำงาน แล้วโควิดอีก คือเราเจอหลายเหตุผล ไม่ใช่ไม่รัก แต่เหตุผลที่รายล้อมตอนนี้ โควิดด้วย มันทำให้ความรักต้องเซย์กู๊ดบายกัน แต่จบด้วยรักและเข้าใจ" 

กับหนุ่มคนนี้เป็นแฟนกันหรือยัง

ต้นหอม : "กับคนนี้เป็นแฟนกัน คบกันเลย เขาคือคนที่ใช่ภาพแต่งงานขึ้นมาเลย แต่รักอย่างเดียวมันไม่พอ เพราะปัจจัยหลายอย่าง มันไม่ได้ซัพพอร์ตเรา ถามว่าเศร้าไหม มันไม่เศร้าเลย มันเป็นความคิดถึงมากว่า คิดถึง เสียดาย แต่ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รู้จักคนๆ นี้ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าคนที่ใช่มันแบบนี้นี่เอง เพราะถ้าเจอคนที่ใช่ความรักมันอยู่ในแววตา มันเห็นในตาเขา มันทำให้เรารู้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราเจอคนที่ใช่แล้วนะ" 

เซ็งไหมเมื่อเจอความรัก แล้วหลายๆ ครั้งที่ความรักมันไม่ใช่ แล้วไปด้วยกันไม่ได้ หรือเจอคนที่ใช่แต่ก็ยังไปกันไม่ได้ 

ต้นหอม : "หอมว่า หอมเพิ่งรู้จักความรักที่ดีจริงๆ ก็มาจากคนนี้ แหละ อาจจะเป็นเพราะหอมไปเรียนกับครูเงาะด้วย ครูเงาะก็จะบอกว่า ให้มองหาความต้องการของตัวเองคืออะไร ถ้าความต้องการของตัวเองเยอะขนาดนี้ก็อย่าเลือกอะไรง่ายๆ เวลาหอมเลือก ข้อจำกัดหอมเยอะมาก แต่เวลามองผู้ชายหอมมองข้อเดียว คือ ถ้าซื่อสัตย์หอมเอาแล้ว แต่หอมไม่ได้ดูนิสัยรายล้อมอย่างอื่นว่ามันเข้ากับเราได้ไหม พอมันเข้ากันไม่ได้ เราไม่ใช่สำหรับเขา เขาก็ไม่ใช่ ถ้าวันหนึ่งฝืนอยู่กันมา มันก็ไม่ใช่"

ตอนนี้อายุเท่าไหร่ ถึงวางแผนเกษียณ

ต้นหอม : "อายุ 43 ปีนี้ 44 คือหอมเคยคุยกับ ป๊อก มาร์กี้ เขาบอกว่าเขาจะเออร์รี่ตัวเองตอน 50 เขาบอกว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว มันก็เลยคิดได้ว่าถ้าเราอยากเออร์รี่เร็ว เราก็แค่วางแผนให้เร็ว เก็บเงินให้เร็ว ทำงานให้เร็ว วางแผนอนาคตให้มันเร็ว เราก็เลยคิดว่า พอมันมีโควิดมันก็เลยทำให้สิ่งที่เราเคยคิด มันตอกย้ำว่าหอมต้องตัดสินใจแล้ว ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต เพราะความไม่แน่นอนมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หอมมีเงิน หอมมีงาน พอมีโควิดหอมไม่มีงาน อีเว้นท์หอมตีเป็นศูนย์เลย แปลว่าความเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แล้วอะไรมันทำให้เราอยู่รอดได้ถ้าเราตกงาน ปากท้องสิ เมื่อไหร่ที่มีกินเราก็อาจจะไม่ต้องทำงานก็ได้ วิธีการก็คือ บ้านเราเป็นเมืองเกษตร ทำเกษตรดี ถ้าเราอยู่ด้วยการสร้างอาหารให้ตัวเองได้ วันหนึ่งเราไม่มีงาน อย่างน้อยเราก็มีกิน ก็เลยจะซื้อที่และก็อาจจะทำฟาร์ม ก็มองเอาไว้ว่าเราต้องอยู่รอดให้ได้"

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ คุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ "ต้นหอม" เผยเรื่องราวหัวใจเพิ่งรู้จักความรักที่ดี วางแผนหลังเกษียณซื้อที่ทำฟาร์มเกษตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook