"หยา จรรยา" เผยอดีตสุดปัง พังเพราะกินเหล้าหนัก ปาร์ตี้จนเกือบตาย

"หยา จรรยา" เผยอดีตสุดปัง พังเพราะกินเหล้าหนัก ปาร์ตี้จนเกือบตาย

"หยา จรรยา" เผยอดีตสุดปัง พังเพราะกินเหล้าหนัก ปาร์ตี้จนเกือบตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

​หยา จรรยา เผยชีวิตสุดๆ กินเหล้าวันละ 4 ขวดทุกวัน เมาจนช็อกเกือบตาย โคตรมั่นป่วย 8 ปีไม่ยอมรักษา จนร่างกายพังหัวใจตับไตพินาศ กว่าจะถึงมือหมอ หวิดตาย 2 รอบ

​คร่ำหวอดในวงการมาหลายสิบปีสำหรับ หยา จรรยา ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในบท พี่ผิน ในละครบุพเพสันนิวาส ความปังของละครดังกล่าวส่งผลในหยามีงานเข้ามาต่อเนื่องไม่ขาดสาย เงินทองหลั่งไหลเข้ามา แต่ใครจะรู้ว่ากว่าประสบความสำเร็จแบบนี้ชีวิตของ หยา จรรยา ครั้งหนึ่งก็เคยใช้ชีวิตแบบสุดตีน ทั้งเที่ยวกินเหล้าเมาทุกวันยันเช้า 365 วัน กินคนเดียววันละต่ำๆ 1 กลม ถ้ามีเพื่อนมาแจมก็ 4 กลมขึ้นไป ปาร์ตี้จนน็อกต้องหามส่งโรงพยาบาล จากที่เคยหุ่นดีราวนางงาม ทำให้น้ำหนักพุ่งไปถึง 80 กก. ผลการใช้ชีวิตอย่างหนักทำให้ร่างกายพัง เฉียดตายไปพบยมพบาลถึง 2 รอบ ปัจจุบันต้องกินยาวันละเป็นกำ

ถ้าเลือกได้ย้อนอดีตได้หยาบอกว่า จะไม่ขอไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีก วันนี้อยากจะเผยแพร่ประสบการณ์ในชีวิตของตนเองให้คนอื่นรู้ จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท

​“เมื่อก่อนเป็นคนที่ผอมสมัยก่อนหนักแค่ 50 กิโล สัดส่วน 33 24 36 สูง 168 หุ่นนี่คือนางงามเลย นึกภาพกันไม่ออกเลยว่าเคยผอมเท่านี้ด้วยเหรอ เข้าวงการใหม่ๆ ตอนนั้นเกือบได้เป็นนางเอกละครเวที แล้วก็ได้เล่นประกบพลอย เฌอมาลย์ เป็นเพื่อนพลอย คิดดูสิเคยได้เล่นเป็นเพื่อนพลอยนะสวยแค่ไหน แต่ด้วยความที่เราใช้ชีวิตแบบหนักหน่วงมาก น้ำหนักก็ค่อยๆ ขึ้นทีละ 5 โล กระทั่งทะลุไป 20 กก. จากนั้นก็ไม่เคยลงอีกเลย กระทั่งตอนนี้ 80 กก.”

​“เป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบสุดทุกอย่าง เที่ยวสุด ดื่มสุด กินสุด มันสุด ไม่มีตรงกลาง เหยียบให้มิดแล้วพุ่งไปเลยค่ะ ใช้ชีวิตแบบไม่สนใจ ไม่ดูแลตัวเองเลย ใช้ชีวิตแบบเที่ยวถึงเช้าแล้วไปทำงานต่อ เราคิดว่าการดื่มคือการผ่อนคลายคือการปลดปล่อยเพราะเราทำงานหนัก ดื่มเหล้าคนเดียวอย่างต่ำ 1 กลม แต่ถ้าดื่มกับเพื่อน 2 คนขึ้นไปต้องมี 4 กลม เป็นแบบนี้ 365 วัน ดื่มแบบนี้จนถึงเช้า พอเช้าก็ไปทำงานกองถ่ายต่อ แล้วบางวันนี่มันมากกว่า 4 ขวดอันนี้คือค่าเฉลี่ย ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ 10 กว่าปี เที่ยวตลอดปาร์ตี้สังสรรค์ใช้ชีวิตเต็มที่”

“ดื่มแบบนี้กระทั่งวันหนึ่งมันน็อกไปเลย เพื่อนต้องแบกไปโรงพยาบาล เพื่อนต้องสวดมนต์ใส่หูเพราะคิดว่าเราจะไปแล้ว เรียกเราก็ไม่รู้สึกตัว ก็เรียกว่าเฉียดตายเลย พอฟื้นขึ้นมาก็ยังใช้ชีวิตแบบนั้นนะ กระทั่งวันหนึ่งประสบอุบัติเหตุต้องไปห้องฉุกเฉิน หมอวัดความดันมันขึ้นไปถึง 240 ทุกคนตกใจมากกลัวว่าจะช็อตตายหรือเปล่า แต่ก็รอดมาได้อีกครั้ง แต่เราก็ไม่ยอมรักษาไม่ยอมไปเช็คร่างกาย เพราะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก มั่นใจว่าเรารู้จักร่างกายของตัวเองดี ก็ทิ้งไปแบบนั้น 8 ปี”

​ความดันพุ่งจนเลือดทะลักไม่หยุด
​“เราสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยให้งานไปแต่นักศึกษาไม่ยอมทำงานมา ทำให้เราโกรธมาก เราก็ต้องไปขึ้นชิ้นงานให้นักศึกษา มันบ่มความโกรธไว้ กระทั่งทำให้นักศึกษาจนถึงคนสุดท้าย เราพูดประโยคสุดท้ายปุ๊บ เลือดกำเดานี่ไหลโพล๊ะออกมาเลย แล้วมันก็ไม่หยุดเลย ก็ต้องไปห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล ปรากฏว่าความดันขึ้นไป 250 หมอก็ขอให้แอดมิทแต่เราไม่ยอมเพราะคิดว่า อาการนี้เป็นมานานมากแล้วขอกลับบ้าน”

“แต่วันรุ่งก็กลับมาหาหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาล คุณหมอจับตรวจชุดใหญ่เลยตรวจแอ๊คโค่หัวใจเพื่อจะดูคลื่นหัวใจว่ามีปัญหาหรือเปล่า เนื่องจากแบกความดันที่สูงแบบนี้มา 8 ปี ปรากฏว่าความดันสูงของตัวเองมันส่งผลกระทบกับหัวใจ ภาวะผนังหัวใจโตทำให้หัวใจทำงานหนัก และส่งผลให้ค่าไตค่าตับมีความผิดปกติ ส่งผลให้ตับไตทำงานหนักและอาจเป็นโรคไตในอนาคต”

“และเข้าสู่ภาวะเบาหวานแฝง ผลการเจาะเลือดวันนั้นทำให้พลิกชีวิตเราเลย ทำให้รู้ว่าโรคเบาหวานนี่มันอยู่ใกล้ตัวเราเลย ค่าเบาหวานมันขึ้น เรานึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เราเลยเพราะท่านเป็นเบาหวาน เรารู้ดีว่าสภาวะของผู้ป่วยเบาหวานเป็นอย่างไร ตอนนั้นคือต้องมาฟอลโล่ทุกอย่างค่าเบาหวาน ค่าตับ ค่าไต ต้องมาเจาะเลือดทุก 2 อาทิตย์ เจาะจนพรุนไปหมด”

“ตอนนั้นคือเราเริ่มเครียดแล้วจะทำยังไงดี ก็ไปเซิร์จข้อมูลแล้วก็ไปกินยาผีบอก ก็กินไปพักนึงเลยนะ กระทั่งมานึกถึงคุณพ่อที่กินยาไม่เลือก กินทั้งยาต้มยาหม้อยาลูกกลอน กระทั่งป่วยเป็นโรคไตกลายเป็นผู้ป่วยฟอกไต เราก็เลยหยุดเลยจะใช้ชีวิตวู่วามเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้”

ปัจจุบันต้องกินยาวันหนึ่งเป็นกำๆ
“เราก็ต้องหันมาดูแลตัวเอง ต้องคุมอาหารไม่กินตอนกลางคืนเพราะมันจะถูกเปลี่ยนให้เป็นน้ำตาล แล้วก็ต้องกินพวกวิตามินในการบำรุงเยอะมาก ต้องกินวิตามินดี กินน้ำมันตับปลา กินซิ้งค์ ธาตุเหล็ก และตอนนั้นความดันเราขึ้นเยอะมากถึงขั้นต้องไปฉายแสงเข้าเส้นเลือด กระทั่งต้องมาใช้เครื่องนี้ที่บ้าน คุณหมอก็แนะนำให้กินขมิ้นชันจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพของแสงเข้าไปในเส้นเลือดได้ดีขึ้น คือวันๆ หนึ่งนี่กินหลายตัวมากๆ รวมไปถึงยากินที่ต้องรักษาอีกทั้งวันต้องกิน 15 เม็ดกินเป็นกำๆ จนเรารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว ก็ต้องหาเสริมอาหารที่กินแค่เม็ดเดียวแล้วได้ทุกอย่างที่เราขาดก็คือคามินเนีย(Caminia) ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่ามันได้ผลจริงๆ ตอนแรกค่าวิตามินดีในร่างกายหยาไม่ขึ้นเลย แต่หลังจากทานคามินเนียไปค่าวิตามินดีขึ้นไปถึง 25 คุณหมอแฮบปี้มาก”

​“แล้วทุกวันเราต้องวัดความดันส่งคุณหมอ พอเริ่มกินเสริมอาหารคามินเนียความดันดีขึ้นคุณหมอค่อนข้างพอใจ ถึงกับสั่งให้ลดการกินยาลดความดันไป 1 เม็ด มันเป็นชัยชนะเล็กๆ แต่มันยิ่งใหญ่มากกับการที่แบกความดันสูงมา 8 ปี ก็ขอบคุณตัวเองที่ยอมไปหาหมอและก็ยอมเปิดใจให้กับคามินเนีย ตอนนี้อินซูลีนเบาหวานเคลียร์หมดแล้ว”

“มองย้อนกลับไปในชีวิตก็ยังคิดเลยว่าเราใช้ชีวิตแบบสุดมากประมาทมาก กินเหล้าขนาดนั้นดื่มเข้าไปได้ยังไง ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปได้ก็คงจะไม่ไปใช้ชีวิตแบบนั้น ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่ใช้ชีวิตแบบสุดประมาทละเลย ความสุดมันไม่ได้เท่ห์ ถ้าเลือกได้จะไม่สุดแบบนั้นจะไม่ดื่มแบบนั้น”

สอบตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @caminia Call center: (02)331-7499 Website: https://caminia.net/ FACEBOOK: https://www.facebook.com/Caminiathailand/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook