เพลิงสงบ ไร้เจ็บ! เจ้าหน้าที่ดับไฟไหม้อาคารสูง 33 ชั้น ได้แล้ว เสียหายเฉพาะดาดฟ้า
จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 23.04 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคาร เอส โอเอซิส (S OASIS) ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิตซอย 9 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นอาคารสำนักงาน ความสูง 33 ชั้น อยู่ระหว่างกำลังก่อสร้าง ที่บริเวณดาดฟ้าด้านซ้ายของตัวอาคาร ซึ่งมีการปรับพื้นที่ และเป็นที่เก็บไม้แบบจำนวนมาก พบไฟกำลังลุกไหม้ทั้งไม้ วัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง โครงเหล็กที่ใช้ค้ำยัน และนั่งร้านที่ใช้ในการก่อสร้าง มีแสงเพลิงและกลุ่มควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า และมีสะเก็ดไฟปลิวว่อนร่วงหล่นลงมาตามถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออกต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบริเวณถนนวิภาวดีขาออกที่จะตัดไปทางสะพานควาย เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคาร ทำให้เจ้าหน้าที่มีอุปสรรคไม่สามารถเข้าควบคุมเพลิงได้โดยตรง จึงต้องใช้ลิฟต์ของคนงานก่อสร้างขึ้นไปบนอาคาร และเดินขึ้นบันไดฉุกเฉินไปยังชั้นดาดฟ้า รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงขึ้นรถกระเช้าเพื่อฉีดน้ำใส่ตัวอาคาร ใช้เวลาควบคุมเพลิงนานเกือบ 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสลบ เบื้องต้นความเสียหายอยู่เพียงบริเวณชั้นดาดฟ้าเท่านั้น ไม่ลุกลามข้างเคียง
พล.ต.ต.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผบก.ประจำ บช.น. รักษาราชการแทน ผบก.น.2 กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุ ไม่มีคนงานทำงานแล้ว มีเพียงรปภ.ที่เข้าเวรแล้วเห็นเหตุการณ์ว่า เพลิงเริ่มลุกไหม้โดยมีไม้สำหรับทำแบบเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จากนั้นไฟได้ลุกไหม้นั่งร้านและตัวเหล็กค้ำยันที่อยู่ฝั่งด้านซ้ายของตัวอาคาร เบื้องต้นได้กันพื้นที่เกิดเหตุไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ โดยในวันนี้จะประสานเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)เข้าตรวจสอบ รวมถึง จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโครงสร้าง ว่าได้รับผลกระทบหรือไม่
ด้าน นาย ธีระยุทธ ภูมิภักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ตอนนี้เพลิงสงบแล้ว อุปสรรคการทำงานครั้งนี้ คือบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีแหล่งน้ำ เนื่องอาคารอยู่ระหว่างก่อสร้าง แหล่งน้ำในอาคารเลยยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องลำเลียงถังดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงผ่านลิฟท์ขึ้นไป แล้วใช้ถังดับเพลิงดับไฟ มีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการประมาณ 40 คน โชคดีที่เพลิงไหม้ที่นั่งร้าน สแลนกันฝุ่น ไม่ได้ลุกลามข้างเคียง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณตู้ไฟที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีคนงานก่อสร้างอยู่ เพราะหยุดก่อสร้างตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีเพียงเจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร 1 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีก 2 คนเท่านั้นที่อยู่บริเวณด้านล่างตัวอาคาร อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่เกิดเหตุมีป้ายระบุรายละเอียดโครงการ ว่า อาคารดังกล่าว สูง 33 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ก่อสร้างเพื่อให้เป็นอาคารสำนักงานพาณิชยกรรมและอาคารจอดรถ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 จะสิ้นสุดโครงการวันที่ 15 ก.ย.64.
อัลบั้มภาพ 24 ภาพ