พท.ปูด"ต้นกล้าอาชีพ" 24 จังหวัดใช้บัญชีผีเบิก 252 ล้าน

พท.ปูด"ต้นกล้าอาชีพ" 24 จังหวัดใช้บัญชีผีเบิก 252 ล้าน

พท.ปูด"ต้นกล้าอาชีพ" 24 จังหวัดใช้บัญชีผีเบิก 252 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ระบุใน 24 จังหวัด 239 หลักสูตรงบกว่า 252 ล้านใช้บัญชีผีเบิกค่าอบรมเกือบทุกจังหวัด ชี้ไทยเข้มแข็งมีคนใกล้ชิดนักการเมืองจัดงบพิเศษซื้อครุภัณฑ์

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการติดตามตรวจสอบทุจริตโครงการต้นกล้าอาชีพว่า คณะทำงานได้ติดตามโครงการต้นกล้าอาชีพที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ตกงาน หรือว่างงานได้สมัครเข้าโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพ กลับไปประกอบอาชีพยังภูมิลำเนาตัวเอง ซึ่งจากที่มีการช่วยเหลือเงินสนับสนุนให้ผู้อบรม 3 เดือนหลังจากการอบรมและรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานปกครองตามภูมิลำเนาใน 24 จังหวัด

พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น จ.ปราจีนบุรี ,อุทัยธานี , นครราชสีมา , อำนาจเจริญ , นครพนม , แพร่ , ขอนแก่น , ศรีสะเกษ , สุโขทัย , ตรัง , บุรีรัมย์ , เชียงราย , เชียงใหม่ ,ชลบุรี ทั้งหมด 239 หลักสูตรรวมเป็นเงิน 252,384,000 บาท น่าจะมีการทุจริต โดยการใช้บัญชีผี เบิกค่าอบรมเกือบทุกจังหวัด ขณะที่หลักสูตรอบรวม พบว่ามีการยัดเยียดหลักสูตร ให้ รีบ เร่ง รัด ขาดความพร้อม มีรายชื่อผีเข้าร่วมหลักสูตรเพื่อรับเงิน และยังพบว่าหลายคนไม่เข้าเรียนแต่ได้รับเงินของรัฐบาล และมีเจ้าหน้าที่บางคนมีชื่อเข้าอบรมด้วยซึ่งในการอบรม เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตัวเอง แต่กลับมาหาลำไพ่พิเศษ โดยที่ไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบโครงการเลย

"รัฐบาลไม่มีนโยบายในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลโครงการที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งผู้บริหารที่ดูแลโครงการน่าจะขาดความรับผิดชอบ ขาดความรู้ที่จะทำนโยบายให้มีผลในทางปฏิบัติ จึงเป็นนโยบายสร้างภาพแบบไฟไหม้ฟาง จับต้องความสำเร็จไม่ได้ และเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เป็นความล้มเหลวของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมหลักฐานพร้อมราบยละเอียดอภิปรายรัฐบาลต้นปี 2553 แน่นอน"

โฆษกเพื่อไทย ยังกล่าวถึงความไม่โปร่งใสของโครงการไทยเข้มแข็งและโครงการต้นกล้าอาชีพอีกว่า จากการตรวจสอบพบโครงการไทยเข้มแข็งการจัดสรรครุภัณฑ์กระทรวงศึกษาธิการ ซื้อสินค้าแพงเกินจริง และมีการล็อคสเปคสินค้าเป็นล็อตใหญ่เรียบร้อยแล้ว มูลค่าความเสียหายกว่า 229,628,000 บาท เช่น รถบรรทุก ขนาด 1 ตัน 4 ล้อ จำนวน 201 คัน งบประมาณ 113,444,000 บาท รถบรรทุก ขนาด 1 ตัน 2 ล้อ 42 คัน งบ 30,156,000 บาท และรถโดยสาร ขนาด 11 ที่นั่ง 60 คัน งบประมาณ 77,400,000 บาท เป็นต้น

ขณะที่การล็อกสเปคทำให้เกิดปัญหามีการจัดสรรครุภัณฑ์เท่ากันหมดทุกพื้นที่ และมีการจัดสรรงบพิเศษจากคนใกล้ชิดนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้าที่ล็อคสเปคสินค้า ซึ่งจากหนังสืออนุมัติโครงการ และงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ศธ 04006/2211ลงวันที่ 4 ก.ย.52 พร้อมสำเนาหนังสือสำนักงบประมาณด่วนที่สุด ที่ นร.0712/23871 ลงวันที่ 23 ก.ย.52 จะเห็นได้ว่ามีการประมูลงาน อนุมัติงบประมาณและลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ราคาสูงเกินจริง และโรงเรียนบางแห่งได้จ่ายเงินมัดจำส่วนหนึ่งไปแล้ว

นอกจากนี้ครุภัณฑ์บางรายการก็พบว่าไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ไม่สอดคล้อง SP2 ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์มีเพียงไม่กี่กลุ่ม โดยขณะนี้มีความเสียหายรวมทั้งสิ้น 51 จังหวัด เช่น จ.ชุมพร , เชียงราย , เชียงใหม่ , ตราด , อำนาจเจริญ นครปฐม , เพชรบูรณ์ , ชัยภูมิ , สุพรรณบุรี และสุทัย เป็นต้น

"นายอภิสิทธิ์จะแก้ปัญหาโดยกฎเหล็ก 9 ข้อ หรือจะปล่อยให้มีกินหันเหมือนโครงการเศรษฐกิจพอเพียงที่ผ่านมา ที่หาคนผิดไม่ได้ แต่ประชาชนเสียหายแล้ว โดยเพื่อไทยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจต้นปีหน้า และจะไม่ยื่นเรื่องป.ป.ช. จนกว่ามีการอภิปราย เพราะกลัวว่าการร้องต่อองค์กรอิสระจะเป็นการฟอกโครงการเสียเปล่าๆ "

โฆษกเพื่อไทยกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีวิธีการติดตามตรวจสอบ สินค้าที่ราคาแพงเกินจริง และสินค้าล็อคสเปคอย่างไร ซึ่งทำให้มีการทุจริตทั้งเรื่องงบประมาณ ล็อคสเปคสินค้า ฮั้วประมูล อีกทั้งสินค้าไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ สุดท้ายคนที่เข้มแข็งน่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้านายหน้า ส่วนประชาชนที่ต้องรับภาระภาษีคงจะอ่อนแอ

โฆษกพรรคเพื่อไทยย้ำว่า ในวันพุธที่ 4 พ.ย.เวลา 10.00 น. พรรคจะลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตทั้งโครงการไทยเข้มแข็ง โครงการต้นกล้าอาชีพ ทั้งในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook