ยายเฒ่าวัย 92 ถูกฟันดับจมกองเลือดคาบ้าน ลูกชาย ลูกสะใภ้เมาไม่สร่าง ยังไม่รู้ใครฆ่า

สะเทือนใจ ยายเฒ่าวัย 92 ถูกฟันดับจมกองเลือดคาบ้าน ลูกชาย ลูกสะใภ้เมาไม่สร่าง ยังไม่ชัดใครลงมือฆ่า

(28 ส.ค.64) เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต๊กตึ้งจุดอ่างทอง เข้าตรวจสอบบริเวณบ้านเลขที่ 7/1 หมู่ที่ 7 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังได้รับแจ้งพบคนถูกทำร้ายร่างกายอยู่ภายในบ้าน หลังได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น ด้านบนตัวบ้านพบร่างของนางสงวน อายุ 92 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บนบ้าน บริเวณใบหน้าและลำตัวมีบาดแผลคล้ายถูกฟันด้วยของมีคมจนเกลือดกระจายเต็มพื้น ข้างๆ ศพพบมีขนาดใหญ่เปื้อนเลือดอยู่ในตะกร้า 2 เล่ม และสิ่งของต่างๆ กระจายเกลื่อนบ้าน

บริเวณด้านล่างของพบนายสุรศักดิ์ อายุ 50 ปี นั่งดื่มสุรากับชายไม่ทราบชื่ออีก 1 คน ไม่ห่างกันพบนางสาววรรณา อายุ 56 ปี ภรรยาของนายสุรศักดิ์ ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก บริเวณแขนด้านขวามีบาดแผลถลอก ที่บริเวณเสื้อมีคราบเลือดเป็นจุดๆ นอกจากนี้จากการตรวจค้นภายในบ้านชั้นล่างยังพบกางเกงยีนส์ของนางสาววรรณาซึ่งเปิ้อนเลือดทั้งตัวถูกถอดอยู่ภายในห้อง ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ทำการสอบสวน 

นายสุเทพ อายุ 58 ปี ญาติของนางสงวนเปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาตนเองอยู่ที่บ้านไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ จู่ๆ นายสุรศักดิ์ลูกชายของนางสงวนก็วิ่งไปบอกให้มาดูแม่ให้หน่อยเพราะมีเลือดเต็มตัว ตนจึงออกมาดูและพบว่ามีรอยเลือดเต็มตัวและนอนนิ่งอยู่จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ 

ขณะที่ ร.ต.สำราญ อายุ 64 ปี หลานชายของผู้ตายเล่าให้ฟังว่าเมื่อสองวันก่อน นายสุรศักดิ์ ไปพูดให้ฟังว่า ถ้าแม่ตายก็ไม่พ้นต้องเป็นนางสาววรรณาอย่างแน่นอน เพราะนางสงวนมีอาการหลงลืมและชอบด่าว่านางสาววรรณาอยู่เป็นประจำ จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้ถูกฆ่า 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ที่อยู่ในบ้านซึ่งมีอาการเมาสุราอย่างหนักทั้งหมดไว้สอบสวน ซึ่งคาดว่าคนร้ายที่จะก่อเหตุน่าจะเป็นนางสาววรรณาเนื่องจากพบร่องรอยบาดแผลที่ร่างกายและพบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือด โดยทางเจ้าหน้าที่รอให้ทั้งหมดมีอาการสร่างเมาก่อนที่จะสอบสวนหาผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ ขณะที่ศพของนางสงวนทางแพทย์จากโรงพยาบาลอ่างทองทำการชันสูตรพลิกศพก่อนส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติเพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง