ไทม์ไลน์โป๊ะแตก! สาวเมียนมาติดโควิด พบลอบเข้าด่านสิงขร นั่งรถ 120 กม. ผ่านทุกด่านฉลุย

ไทม์ไลน์โป๊ะแตก! สาวเมียนมาติดโควิด พบลอบเข้าด่านสิงขร นั่งรถ 120 กม. ผ่านทุกด่านฉลุย

ไทม์ไลน์โป๊ะแตก! สาวเมียนมาติดโควิด พบลอบเข้าด่านสิงขร นั่งรถ 120 กม. ผ่านทุกด่านฉลุย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โซเชียลวิจารณ์ ไทม์ไลน์สาวเมียนมาติดโควิด ลักลอบเข้ามาทางด่านสิงขร ก่อนนั่งรถไปโผล่ที่บางสะพานน้อย ห่างกัน 120 กม. หลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่หลายด่านไปได้อย่างไร?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพไทม์ไลน์และวิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิด-19 หญิงสัญชาติเมียนมา อายุ 23 ปี ระบุอาชีพรับจ้าง ติดเชื้อโควิด เป็นรายที่ 7298 ของการระบาดระบอกใหม่

ทั้งนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ระบุข้อมูลในไทม์ไลน์ว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา วันที่ 22 สิงหาคม 2564 เวลา 21.00 น. ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ทางด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นมีคนมาส่งที่สามแยกบางสะพานน้อย และมีเพื่อนสัญชาติเมียนมาที่อยู่ใน อ.บางสะพานน้อย มารับไปพักที่บ้านในสวน หมู่ที่4 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย

ต่อมาวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เวลา 09.00 น. ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.บางสะพาน ทราบว่ามีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามา จึงประสาน รพ.สต.บางสะพาน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย เก็บตัวอย่างส่วนตรวจหาเชื้อโควิด-19 และให้กักตัวอยู่ในสวน ต่อมาวันที่ 24 สิงหาคม ผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 และวันที่ 25 สิงหาคม ส่งรักษาตัวที่ รพ.บางสะพานน้อย

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างด่านสิงขร กับที่พักปลายทางนั้น อยู่ห่างกันกว่า 120 กิโลเมตร ต้องขับรถราว 1.30 ชั่วโมง ผ่านหลายอำเภอ ทำให้ชาวบ้านต่างตั้งข้อสังเกตว่า หญิงชาวเมียนมารายดังกล่าว หลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมาได้อย่างไร  

โดยประกาศสำคัญคือ จุดผ่อนปรนด่านสิงขรห้ามบุคคลเข้าออกโดยอย่างเด็ดขาด ขณะที่เส้นทางเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติทุกจุดนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้สั่งให้หน่วยงานความมั่นคง สนธิกำลังกันลาดตระเวนเข้มข้น พร้อมปิดกั้นหลวดหนามหีบเพลงตามช่องทางที่มีการลักลอบผ่านแดน ตลอดจนมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด บนถนนสายรองอีกด้วย ขณะที่เส้นทางหลักบนถนนเพชรเกษม ยังมีจุดตรวจบริเวณหน้าด้าน สภ.ห้วยยาง อ.ทับสะแก อีกแห่งหนึ่งด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook