อัยการจะยื่นฟ้องศาลคดีราเกซให้เร็ว
เยี่ยม ราเกซ วันแรกไร้ญาติ พบเพียงคนสนิทเข้าเยี่ยม รักษาการผบ.เรือนจำจัดที่เยี่ยมพิเศษป้องกันเหตุชุลมุน ขณะที่ "ราเกซ" ยังสดชื่น ทานอาหารได้ตามปกติ "ลุงชัย"การันตี"เนวิน"ไม่เกี่ยวคดี
(2พ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก. พร้อมคณะได้นำบันทึกคำให้การของนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์บีบีซีมา ส่งมอบให้กับนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร โดยพนักงานสอบสวนได้นำบันทึกคำให้การทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งรายงานการตรวจสุขภาพของนายราเกซมาให้อัยการพิจารณา
นายเศกสรรค์ กล่าวว่า จะใช้เวลาพิจารณาและยื่นฟ้องให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นวัน เวลาใด โดยหลังจากนี้จะส่งมอบให้คณะทำงานอัยการพิจารณาตรวจสำนวน ขณะที่อัยการได้ขอให้พนักงานสอบสวนนำคำให้การของผู้แปลภาษา (ล่าม) มาส่งให้อัยการพิจารณาประกอบด้วย
ทั้งนี้ นายเศกสรรค์ ยังระบุด้วยว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้จะนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นายเกริกเกรียติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผจก.บีบีซี กับพวก ทุจริตปล่อยกู้ บ.ซิตี้ เทรดดิ้ง จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับสำนวนนายราเกซด้วย
เยี่ยม "ราเกซ"วันแรกไร้ญาติพบเพียงคนสนิท
เมื่อเวลา 08.30 น. บรรยากาศหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่คุมขังนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) ในช่วงเช้ามีญาติผู้ต้องขังเดินทางมาลงทะเบียนเยี่ยมญาติของตัวเองจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการเปิดให้เยี่ยมวันแรกของสัปดาห์ โดยช่วงเช้ามียังไม่พบว่ามีญาตินายราเกซเข้าเยี่ยม มีเพียงคนสนิทที่เคยติดตามเข้าพบ ซึ่งในวันนี้ทางเรือนจำได้จัดเตรียมสถานที่ให้ญาตินายราเกซเข้าเยี่ยมบริเวณชั้นล่างซึ่งเป็นห้องสมุด ตึกผู้บัญชาการเรือนจำ พร้อมกับติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อดูแลความเรียบร้อยตามมุมต่าง รวมถึงมีการจัดเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลนายราเกซอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังได้มีการสั่งกำชับให้ดูแลเรื่องอาหารที่นำเข้ามาเยี่ยมซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดไม่ว่าอาหารที่นำมาจากญาติหรือคนสนิท เพราะเกรงว่าจะมีการใส่สารพิษปนเข้ามาด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผบ.เรือนจำกรุงเทพฯ ได้เดินทางมายังเรือนจำภายหลังเดินทางเข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่า การดูแลนายราเกซ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น โดยทางเรือนจำได้มีกฎระเบียบเข้มงวดในการตรวจสอบผู้ที่จะเข้าพบนายราเกซ พร้อมกันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีนักโทษชั้นดีคอยอยู่ดูแลให้ความช่วยเหลือ 2 คน คนหนึ่งเป็นแพทย์อายุรกรรม มีความเชี่ยวชาญในด้านอายุรกรรมและคอยให้การช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินกับนายราเกซในเวลากลางคืน โดยนักโทษรายนี้ได้วิเคราะห์สาเหตุโรคของนายราเกซให้ฟังว่าเกิดจากนายราเกซเคยเส้นเลือดในสมองซีกขวาแตก ส่งผลให้แขนซ้ายและขาทั้ง 2 ข้างไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้ทางเรือนจำกำลังประสานหาแพทย์ที่ชำนาญการด้านประสาทวิทยาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้เข้ามาช่วยดูแลเกี่ยวกับระบบประสาทของนายราเกซ ส่วนอีกรายเป็นได้เลือกนักโทษที่มีร่างกายกำยำเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือหากนายราเกซต้องการเคลื่อนไหวร่างกาย
นายโสภณ กล่าวถึงความเป็นอยู่ของนายราเกซว่าไม่ได้มีอะไรพิเศษต่างจากนักโทษรายอื่น เพราะเรือนจำเน้นให้การดูแลที่เสมอภาค ส่วนพัดลมที่นำมาให้นายราเกซก็เป็นเพียงพัดลมเพดานธรรมดา โดยห้องที่นายราเกซอยู่ขณะนี้มีขนาดแค่ 3 คูณ 3 เมตร มีประตู 2 ชั้น ลักษณะเช่นเดียวกับการขังเดี่ยวเพื่อป้องกันความปลอดภัย โดยห้องที่นายราเกซอยู่เดิมเป็นห้องผู้ป่วยติดเชื้อ ช่วงเวลานอนจะมีนักโทษ 2 คน นอนประกบ ขณะที่สภาพร่างกายนายราเกซยังอยู่ในอาการสดชื่น และบอกว่าไม่อยากย้ายไปที่ใดอีก
นายโสภณ กล่าวอีกว่า ได้มีการจัดห้องเยี่ยมพิเศษสำหรับนายราเกซเนื่องจากห้องเยี่ยมเก่าเป็นสถานที่รวม หากมีญาติมาเยอะอาจเกิดเหตุชุลมุนจึงไม่เหมาะกับการนำนายราเกซออกมาบริเวณดังกล่าว จึงได้อนุโลมให้เปิดใช้สถานที่เข้าเยี่ยมชั่วคราวไปก่อน โดยการเยี่ยมนายราเกซยังคงใช้กฎระเบียบการเยี่ยมเหมือนคนโทษคนอื่น กำหนดเยี่ยมวันละ 2 รอบ รอบเช้า 8.30 - 12.00 น. รอบบ่าย 13.00-15.00 น. โดยจะให้เยี่ยมรอบละ 20 นาที และเยี่ยมได้คนละ 1 รอบเท่านั้น
นายโสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่หากมีญาติหรือทนายมาพบนายราเกซจะต้องจัดให้เข้าทีละคน ห้ามเข้าพร้อมกันหากทนายเข้าก็ให้ญาติรออยู่ก่อนจนกว่าทนายจะเสร็จธุระญาติจึงเข้าไปได้ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายราเกซนอนพักผ่อนตลอด โดยทางเรือนจำได้จัดอาหารอ่อนประเภทข้าวต้ม ขนมปังและมาม่าไว้ให้ ส่วนนมให้สัปดาห์ละ 3 กล่อง เหมือนนักโทษทั่วไป หากนายราเกซหรือนักโทษคนอื่นๆ ต้องการกินอาหารพิเศษกว่าที่เรือนจำจัดให้ก็สามารถซื้อได้ที่ร้านสหกรณ์ภายในเรือนจำ โดยนักโทษทุกคนสามารถใช้จ่ายเงินในบัญชีได้ไม่เกินวันละ 200 บาท
"ลุงชัย"การันตี"เนวิน"ไม่เกี่ยวคดีราเกซ
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีผู้ระบุว่า นายเนวิน ชิดชอบ เกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ (บีบีซี) ว่า จะเกี่ยวอะไร เพราะในวันนั้น นายเนวินเป็นเพียงผู้แทนจ๊อกจ๋อยเท่านั้น ไม่มีบทบาทอะไร แค่อภิปรายในสภาเท่านั้น ไม่มีบทบาทอะไรในการกู้เงิน เรื่องการกู้นั้นตนก็เคยกู้แต่ก็ใช้หมดแล้ว ส่วนที่มีการระบุว่ากลุ่ม 16 เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ก็ต้องดูว่ากลุ่ม 16 มี ส.ส. 16 คนและใครเป็นหัวหน้า
"ตอนนี้สื่อสงสารมันมาก ก็เลยเขียนใส่มันเยอะ ความจริงไม่มีส่วนได้เสีย สื่อสงสารมันบ้าง ตอนนั้นก็มีคนอยู่ในกลุ่มเยอะแยะเช่น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สุชาติ ตันเจริญ สรอรรถ กลิ่นประทุม และวราเทพ รัตนากร" นายชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินโครงการกล้ายางระยะ 2 นายชัย กล่าวว่า จากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เขาศึกษาโครงการดังกล่าวไว้ดีแล้ว หากทำได้จะเป็นเรื่องดี เพราะจากโครงการแรกจะเห็นว่าประชาชนที่ปลูกยางก็เริ่มได้ผลแล้ว หลายคนเปลี่ยนจากทำนาเป็นกรีดยางแทน สามารถส่งลูกไปเรียนนอก ทั้งนี้การเสนอโครงการของพรรคภูมิใจไทยก็ไม่กลัวถูกวิจารณ์เหมือนโครงการรถเมล์เอ็นจีวี แต่กลัวรัฐบาลไม่เอามากกว่าเพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก รวมทั้งเงินโครงการไทยเข้มแข็ง ก็ไปทางอื่นแล้ว
"เชื่อว่าโครงการนี้ คงคิดดีแล้ว ซึ่งคนที่เป็นรัฐมนตรีต้องมีหัวคิดริเริ่ม ไม่ใช่ทำงานกินค่าตอบแทนไปวันๆเท่านั้น" นายชัย กล่าว
กอร์ปศักดิ์แจงข้อมูลราเกซมีจริงแต่กล่าวโทษไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีกระแสข่าวเรียกร้องให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากการเดินทางไปพบนายราเกซ สักเสนาที่ประเทศแคนาดา เมื่อปี 2538 ปรากฏว่ายังไม่มีเสียงตอบรับจากนายกอร์ปศักดิ์แต่อย่างใด
กระนั้นนายกอร์ปศักดิ์ ได้โพสต์บทความเรื่องเดียวกันนี้ผ่านทางเว็บไซต์ www.korbsak.com ลงวันที่ 1 พ.ย.52 แทน โดยนายกอร์ปศักดิ์บรรยายว่า ตนได้พบนายราเกซ สักเสนา ครั้งแรกที่สนามกอล์ฟนวธานี ในขณะที่ตนเป็นส.ส.สมัยแรก ปี 2529 สังกัดพรรคชาติไทย มีพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน หัวหน้าพรรค เป็นรองนายกฯ โดยการออกรอบก๊วนกอล์ฟในวันนั้นมีกันกว่า 30 คน ตนจำนายราเกซได้แม่น ก็เพราะนายราเกซจะใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างการเล่นกอล์ฟจนน่ารำคาญ โทรศัพท์มือถือสมัยนั้นเป็นระบบอนาล็อก ใหญ่เทอะทะ
"ถามพรรคพวกว่าคนๆ นี้มีอาชีพอะไร ได้รับคำตอบว่าเป็นพ่อมดการเงิน และเข้าใจว่าใช้โทรศัพท์ซื้อขายหุ้นในระหว่างเล่นกอล์ฟ หลังจากนั้นก็เจอกันอีกครั้งหรือสองครั้ง ที่สนามกอล์ฟนวธานีเช่นเคย จนกระทั่งผมต้องใช้เวลาออกบ้านนอกหาเสียงมากขึ้น ทำให้ต้องห่างสนามกอล์ฟ ไม่ได้พบกับนายราเกซอีกเลย" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์บรรยายต่อว่า ตนมาได้ยินชื่อนายราเกซอีกครั้งจากปากของคุณตั้ว ( เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ) พบคุณตั้วบนเครื่องการบินไทยขากลับจากฮ่องกง คุณตั้วบ่นว่าต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ไปหย่าศึกระหว่างสองที่ปรึกษาใหญ่ของธนาคารบีบีซี นายราเกซและดร.โกร่ง สองคนนี้กำลังทะเลาะกันอย่างแรง เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบ ไม่ได้สอบถามเพิ่ม รู้ว่าถามเขา ก็คงไม่มีคำตอบ
นายกอร์ปศักดิ์เล่าอีกว่า สุดท้ายได้พบกับนายราเกซ ช่วงปี 2538 โดยทีมของพวกตนไปหานายราเกซ ถึงคฤหาสน์หรู ริมทะเลสาบ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ต้องผ่านด่านรักษาความปลอดภัย เป็นทหารรับจ้างคอหนังชาวอังกฤษที่นายราเกซจ้างไว้ เห็นตัวเป็นๆ ในวันนั้นกว่า 6 คน ที่ไม่เห็นคงมีอีกจำนวนหนึ่ง ทราบต่อมาจากปากนายราเกซ ว่ากลัวนักการเมืองไทยส่งคนมาตามล่า
นายกอร์ปศักดิ์เล่าว่า ทีมที่ได้พบนายราเกซมีอยู่ 3 คนจาก 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้านในขณะนั้น พรรคปชป. ส่งนายจุติ ไกรฤกษ์ ,นายพินิจ จารุสมบัติ จากพรรคเสรีธรรม และตนจากพรรคชาติพัฒนา โดยตนเดินทางไปสหรัฐฯก่อน เพื่อไปเยี่ยมลูกชายที่เรียนอยู่ที่ซานฟราน ส่วนนายจุติและนายพินิจตามมาสมทบ จากนั้นทั้งสามคนก็บินตรงจากซานฟรานซิสโกไปแวนคูเวอร์ แคนาดา เพื่อพบกับนายราเกซ สักเสนา
"ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ได้สัมภาษณ์และมีการอัดเทปไว้ด้วย ถ้าเป็นสมัยนี้น่าจะได้ถ่ายรูปขึ้นทวิทเตอร์ให้ได้ดูกันทั่วหน้า ข้อมูลที่เปิดเผยจากปากของนายราเกซมีมากเหมือนกัน แต่ไม่มีที่เป็นหลักฐานชัด ๆ เพราะนายราเกซอ้างว่าเก็บไว้ที่กรุงเทพฯ ต่อมาเมื่อเดินทางกลับเมืองไทย ได้มีการประสานงานต่ออย่างต่อเนื่องและนายราเกซได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ทีมงานได้ใช้ข้อมูลบางส่วนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของท่านนายกฯบรรหารในขณะนั้น" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่าที่ตนนำมาเล่าให้ฟัง เพราะสองสามวันนี้มีข่าวลงในหน้าหนังสือพิมพ์ จึงอยากที่จะนำสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงมาเล่าให้ฟัง มีการพูดกันว่าตนมีข้อมูลที่สำคัญอยู่ในมือ ตอบได้ว่ามี แต่ไม่ใช่หลักฐานที่สามารถจะนำไปกล่าวโทษใครได้ เป็นเพียงคำบอกเล่าที่นายราเกซได้ลงนามกำกับว่าพูดจริง แต่พิสูจน์ไม่ได้ ตนจึงไม่ได้นำมาเปิดเผย ยกเว้นส่วนที่ใช้ในการอภิปรายในสภา ที่มีหลักฐานประกอบข้อกล่าวหาครบ ใครที่สนใจน่าจะค้นหาได้ไม่ยากนักที่ห้องสมุดรัฐสภา
"นายราเกซได้ฉายานามว่าเป็นพ่อมด ต้องไม่ธรรมดา เชื่อได้ว่าสิ่งที่เขาได้ดำเนินการไป ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับใคร แบบไหน อย่างไร เขาน่าจะมีหลักฐานเก็บไว้มากพอสมควร น่าจับตามองข้อต่อสู้คดีของนายราเกซว่าจะมีเนื้อหาทำให้ใครนั่งไม่ติดบ้าง" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
ในตอนท้ายนายกอร์ปศักดิ์ได้กล่าวว่า สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในขณะนี้คือ อย่าให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับนายราเกซ สักเสนา เป็นอันขาด เพราะจะทำให้บรรดาผู้ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศทั้งหลายใช้เป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยทางการเมืองได้ เรียกว่าเข้าทางฉันกันเลยทีเดียว