น้ำท่วมบางปูยังอ่วม เร่งวางเครื่องสูบน้ำ 11 จุด ระบายน้ำออกจากนิคม

หลังจากเมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนนี้ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันตลอดทั้งคืน ส่งผลหมู่บ้าน และถนนหลายแห่ง ในพื้น จ.สมุทรปราการ มีปริมาณน้ำเออท่วมสูงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ เขตส่งออกนิคมอุตสาหกรรมบางปู  พบว่ามีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1  เมตร จนรถยนต์ทั่วไปไม่สามารถขับเข้าไปได้ ทางสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู ระดมเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ปภ. และประชาชนจิตอาสา  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำรถบรรทุกขนาดใหญ่  และรถกระบะยกสูง เรือท้องแบน เข้าขนถ่ายพนักงานที่ติดอยู่ภายในออกมาด้านนอกนิคม จนกระทั่งในช่วงเย็นปริมาณน้ำด้านนอกเขตส่งออกเริ่มลดลง แต่ปริน้ำในเขตส่งออกยังสูงอยู่ 

นายปภินวิช ละอองแก้ว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานได้หยุดทำการหมดแล้ว ส่วนพนักงานที่ติดอยู่ภายในโรงงาน เจ้าหน้าที่ลำเลียงออกมาตั้งแต่ช่วงเช้า ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดพนักงานจึงน้อยกว่าปกติ ส่วนแนวทางการระบายน้ำนั้น ได้ประสาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขวงการทาง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร เร่งสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุการระบายน้ำได้ช้ากว่าปกติ เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงและน้ำในคลองมีปริมาณสูง และยังเจอปัญหาเรื่องขยะเข้าไปอุดท่อ อีกจึงทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่เป็นไปอย่างล่าช้า  อย่างไรก็ตามขณะนี้จากการสำรวจ ปริมาณน้ำเริ่มลดระดับลงบ้างแล้ว หากไม่มีปริมาณน้ำฝนเติมลงมาเพิ่มอีกคาดว่าจะระบายน้ำออกได้ภายใน 24 ชั่วโมง   

นายทรงศักดิ์ ชื่นตา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู กล่าวว่า ภายหลังจากฝนตกหนักติดต่อกัน พบว่าน้ำเริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณตีหนึ่ง ก่อนจะไหลทะลักเข้าท่วมพื้นนิคมในช่วงตีสาม ซึ่งนับว่าท่วมเร็วมาก จนพนักงานที่ทำงานในกะกลางคืน ไม่สามารถออกจากโรงงานได้ และขับรถออกมาไม่ทัน สำหรับการบริการจัดการ ทางนิคมประสานทางเจ้าหน้าที่ทหาร และ ปภ.นำรถบรรทุก มาช่วยลำเลียงพนักงานออกมาก่อนได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับประสานเครื่องสูบน้ำหลายภาคส่วน เข้ามาเสริม เพื่อเร่งระดมสูบมวลน้ำ ออกจากนิคมเต็มพิกัดจำนวน 11 จุด โดยจะสามารถระบายได้กว่า 7  หมื่นคิว ต่อชั่วโมง ส่วนความเสียหายขณะนี้ในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมบางปู มีโรงงานตั้งอยู่ประมาณ  374 โรง พบว่าน้ำท่วมประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่หนักสุดอยู่ในเขตประกอบการเสรีเขตส่งออก ส่วนความเสียหายขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้