ศุภชัย ส.ส.ภูมิใจไทย ขวางฝ่ายค้านจวกซิโนแวค หวั่นคนได้รับวัคซีนตกใจ อ้างฉีดแล้วดี!

นายศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. จ.นครราชสีมา เขต 3 พรรคเพื่อไทย ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันอังคาร (31 ส.ค.) เพื่อไม่ให้กล่าวถึงคุณภาพของวัคซีนโรคโควิด-19 ที่บริษัทซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด จากประเทศจีน ในแง่ลบ เพราะเกรงจะกระทบต่อบุคคลที่ 3 ซึ่งผิดข้อบังคับของการประชุมสภาฯ

ส.ส. พรรคภูมิใจไทยรายนี้ อ้างว่า วัคซีนของซิโนแวคมีประสิทธิภาพดี และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ/WHO) และเกรงว่าถ้าหากกล่าวถึงในแง่ลบ คนที่ได้รับวัคซีนยี่ห้อดังกล่าวไปแล้วจะตกใจ

"สิ่งที่ผมค่อนข้างเป็นห่วงก็คือ พี่น้องประชาชนของเราฉีดซิโนแวคไปเยอะมาก WHO ก็รับรองซิโนแวคแล้ว และเราได้มีข้อมูลว่าซิโนแวคเนี่ยดี แต่ท่านกำลังจะด้อยค่ามันไปอีกแล้ว หลังจากที่ความจริงบอกว่าฉีดแล้วดี ฉีดแล้วดี ผมเกรงว่าท่านจะไปไกล แล้วในที่สุดทำให้ประชาชนที่ได้ฉีดซิโนแวคไปแล้วเนี่ย เกิดอาการตกใจ เกิดอาการหวาดกลัว จากถ้อยคำของ ส.ส. ที่ได้อภิปรายไป แล้วจริงๆ ก็คือ ในสภานี้ คนที่ต่ำกว่า 60 ล็อตแรกนี่ฉีดซิโนแวคกันทั้งนั้น ก็เห็นยังสุขสบายดีกันอยู่" นายศุภชัย พูด

นายศุภชัยประท้วงในช่วงที่นายประเสริฐกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยด้วย ว่าดึงดันซื้อวัคซีนซิโนแวคด้วยความเร่งรัด และเร่งรีบซื้อวัคซีนตั้งแต่ก่อนที่องค์การอาหารและยา (อย.) จะรองรับด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ นายประเสริฐยังอภิปรายอีกว่า การจัดซื้อวัคซีนของซิโนแวค ก็ไม่ได้ทำขึ้นระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ตามที่บริษัทเอกชนรายใหญ่รายหนึ่งอ้าง เพราะซิโนแวคเป็นบริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐบาลจีน

ส.ส. พรรคเพื่อไทย รายนี้ กล่าวถึงการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคทั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมาอีกว่า จัดซื้อสูงกว่าราคาที่ซื้อขายจริง จนทำให้มีส่วนต่างราคารวมกว่า 2,000 ล้านบาท จึงเห็นได้ชัดว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ทั้งยังจัดซื้อในราคาที่สูงกว่าที่รัฐบาลประเทศอื่น อาทิ อินโดนีเซีย ซื้อจากซิโนแวคอีกด้วย

นายประเสริฐ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าว่า ทำขึ้นโดยไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรอนามัยโลก ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐของไทยเองก็ส่งหนังสือแสดงความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวไปยังรัฐบาลแล้ว แต่ก็ยังเดินหน้าฉีดต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน