ทีม สธ. เรียงแถวยัน! ฉีดวัคซีนสูตรไขว้สู้โควิดพันธุ์เดลตาได้ มีงานวิจัยรองรับแต่ยังรอตีพิมพ์

ทีม สธ. เรียงแถวยัน! ฉีดวัคซีนสูตรไขว้สู้โควิดพันธุ์เดลตาได้ มีงานวิจัยรองรับแต่ยังรอตีพิมพ์

ทีม สธ. เรียงแถวยัน! ฉีดวัคซีนสูตรไขว้สู้โควิดพันธุ์เดลตาได้ มีงานวิจัยรองรับแต่ยังรอตีพิมพ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระทรวงสาธารณสุข เผยฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า สู้สายพันธุ์เดลตา ยืนยันภูมิขึ้นสูง มีความปลอดภัย ขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส บริหารจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดสูงสุด บูรณาการทำงาน ยึดตามหลักวิชาการ เหตุที่ซื้อซิโนแวคเพิ่มเพื่อเป็นเข็ม 1 ทำให้ฉีดเข็ม 2 ได้รวดเร็วขึ้นและครอบคลุมผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกเท่าตัว

วานนี้ (1 ก.ย.) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงกรณีข้อสงสัยความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนสูตรไขว้

โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับคณะกรรมการวิชาการ บริหารจัดการควบคุมป้องกันโรค วัคซีน และการรักษา ซึ่งข้อมูลที่มีการนำมาใช้ประกอบการอภิปราย ส่วนใหญ่เป็นเทคนิคทางวิชาการ อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ การระบาดของโรคโควิด-19 ประสิทธิผลของวัคซีนต่อเชื้อกลายพันธุ์ และแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ

ทั้งนี้ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในการบริหารจัดการเรื่องวัคซีน ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการวิชาการจากทุกสาขาได้คิดค้น พัฒนา ปรับปรุง ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลบำบัดรักษาและให้วัคซีนครบวงจร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงปัจจุบัน ฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส เป็นไปตามแผนการจัดการวัคซีน ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดและคุ้มค่าที่สุดภายใต้หลักฐานทางวิชาการที่ได้มีการวิจัย ทดลอง สังเกต นำมาประยุกต์ใช้

โดยวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า จะเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ฉีดให้กับประชาชน ยืนยันว่ามีความปลอดภัย ระยะต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดิร์นนา ซิโนฟาร์ม จะหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีน ให้ทันกับสถานการณ์สู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัสเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนทุกชนิดในโลกตั้งต้นมาจากสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่ไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาเป็นสายพันธุ์จี อัลฟา เบตา ปัจจุบันในไทยพบเป็นสายพันธุ์เดลตา กระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญวิจัยติดตามภูมิคุ้มกันจากวัคซีน นำมาสู่การบริหารจัดการฉีดสูตรไขว้ซิโนแวคเป็นเข็มแรกตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า พบว่ามีประสิทธิผลเทียบเท่ากับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แต่สามารถฉีดได้รวดเร็วและครอบคลุม 2 เท่า รวมทั้งแผนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มโดยใช้วัคซีนต่างชนิดกัน จำนวน 3 ล้านคน โดยงานวิจัยดังกล่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอยู่ระหว่างการเสนอตีพิมพ์ ซึ่งกระบวนการใช้เวลานานในสถานการณ์เร่งด่วนและฉุกเฉินไม่สามารถรอตีพิมพ์ก่อนแล้วมาบริหารจัดการได้

“วัคซีนสูตรไขว้ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านคน มีความปลอดภัย ขออย่าพูดอะไรที่ทำให้ประชาชนสับสน ขณะนี้ไม่ได้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว แต่เป็นสูตรไขว้” นพ.ศุภกิจ ระบุ

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้ใหม่ทั้งตัวเชื้อและวัคซีนเปลี่ยนตลอดเวลา จึงต้องปรับให้ทันสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของคนไทย สายพันธุ์เดลตาทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนลดลงทุกตัว แต่ยังป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จึงต้องเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนที่มีจำกัด ดังนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโรคติดเชื้อ ด้านวัคซีนและด้านระบาดวิทยา เป็นต้น ได้ร่วมกันสรุปหาข้อวินิจฉัยโดยอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการที่ประเทศไทยมีและทั่วโลก ทั้งจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไบโอเทค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ข้อมูลตรงกันว่าสูตรไขว้มีประโยชน์ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ถือว่ามีความรอบคอบรอบด้าน

ในขณะที่ นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ได้ร่วมกับคณะแพทย์และคณะผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันกำหนดแนวทางการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดของโรคโควิด 19 ในระลอก 3 มีการกำหนดและปรับแนวทางการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการและผ่านการพิจารณาของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เพื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ ล่าสุดได้ปรับแนวทางให้ผู้ป่วยโควิด 19 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เร็วขึ้นในผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีอาการเล็กน้อยและกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่มีอาการ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วและได้นำไปใช้ใน HI/CI โดยกระจายยาไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ และยังให้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ และไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook