ศรีสุวรรณ ร้องเรียน 2 พส. ไม่หิวแสงเพราะมีแสงในตัว อึกอัก หนุ่ม กรรชัย เปรียบเป็นกระสือ

จากกรณี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ร้องมหาเถรสมาคมให้สอบสวนและลงโทษความไม่เหมาะสมของ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ที่ไลฟ์สดชิงบัลลังก์ตั่งทอง เผยแพร่ธรรมะไสตล์ใหม่สอดแทรกมุกตลกลงไปสร้างเสียงหัวเราะให้กับญาติโยมที่เข้ามากดดูกว่า 2 แสนคนโดยต่างเรียกขานพระทั้ง 2 รูปว่า พส. หรือย่อมาจาก พระสงฆ์ จนกลายเป็นศัพท์ใหม่ยอดฮิตในขณะนี้
ล่าสุด (5 กันยายน 2564) พระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง มีโอกาสมาร่วมพูดคุยผ่านรายการ โหนกระแส ที่มี หนุ่ม กรรชัย เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งก่อนเข้ารายการ พระมหาไพรวัลย์ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับพระมหาสมปอง พร้อมข้อความว่า "โหนกะสงฆ์แล้วนะ 1"
ในช่วงแรกได้มีการตอบคำถามว่าการบิณฑบาตรเป็นกิจจำเป็นของพระสงฆ์ที่ต้องทำทุกวันหรือไม่ ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ก็ได้ให้ความหมายของการหากินด้วยการบิณฑบาตว่าไม่ใช่ข้อบังคับ ที่จริงเป็นข้อธุดงค์ข้อหนึ่ง ถ้าเมื่อไหร่ถือแล้วจะต้องบิณฑบาตทุกวันและฉันแต่ของในบาตรเท่านั้น แต่ถ้าพระวัดสร้อยทอง 150 รูป บิณฑบาตกันหมดโยมจะเอาที่ไหนใส่ อีกทั้งวัดสร้อยทองเป็นสำนักเรียนบาลีอาจจะบิณฑบาตจนไม่ทันเรียนก็ได้ เลยทำให้ไม่มีการบังคับในจุดนี้
รวมถึงได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่เจ้าคุณพิพิธ พระผู้ใหญ่ในวงการ ที่ออกมาความเห็นว่าที่พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปองทำอยู่เป็นสิ่งที่ไม่น่าปลื้มถึงขนาดตัดอนาคตในวงการสงฆ์เลยก็ได้ ซึ่งทั้ง 2 พส.ก็ได้ให้เห็นความเห็นว่าอนาคตอยู่ทุกที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับยศถา พระมหาสมปองยังทิ้งตบท้ายอีกด้วยว่า “สมณศักดิ์ คือ สิ่งที่อาณาจักร (ญาติโยม) เอามาครอบงำศาสนจักร (พระสงฆ์) เอาไว้” เป็นวลีคำทายที่ฝากไว้ให้ใครหลายๆคนคิดกัน
และได้มีการโฟนอินเชิญ ศรีสุวรรณ เข้ามาปราศรัยสนทนาธรรม โดยส่วนตัวผู้ฟ้องอย่างศรีสุวรรณก็บอกว่าตนไม่ได้เป็นคนหิวแสง แต่มีแสงอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องเกาะกระแสใครเพื่อความดัง แต่ที่อยากฟ้องก็เพราะว่า พระมหาไพรวัลย์ และ พระมหาสมปองนี้ แสดงท่าทางไม่เหมาะสม การฟังเทศน์ควรจะเป็นอะไรที่ขลังๆ น่าเลื่อมใสมากกว่า
ศรีสุวรรณ : คือในสังคมโลกนี่นะครับ มันมีซ้ายมันก็มีขวานะครับ มีขาวก็มีดำ มีกลางคืนก็มีกลางวันนะครับ การที่ท่านทั้งสองไปเทศน์ในลักษณะอย่างนี้เนี่ย อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่อาจจะคัดค้านท่าน หรือไม่เห็นด้วยกับท่าน มันก็เป็นเรื่องปกติในสังคมมนุษย์นะครับ ไม่ใช่ว่าพอท่านไปเทศน์อย่างนี้แล้วทุกคนก็เฮละโล สรรเสริญเยินยอกันไปหมด อย่างน้อยมีคนชื่อศรีสุวรรณบอกไม่เห็นด้วย ท่านก็อาจจะเอาไปคิด ไปวิเคราะห์นะครับ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปรับปรุงวิธีการใช้คำพูดคำจาให้มันดูดีมากยิ่งขึ้น
หนุ่ม กรรชัย : แต่เด็ก Gen นี้เขาชอบการเทศน์แบบนี้ เราถือว่าให้เด็กรุ่นใหม่เขาชอบแบบนี้เราก็สนับสนุนเขาไปเลยทางนี้ไม่ดีเหรอฮะ?
ศรีสุวรรณ : ท่านเคยไปประเมินไหมครับ ว่าเด็กที่รับฟังสองแสนกว่าคนในคืนดังกล่าวรับรู้รสพระธรรม เข้าใจในรสพระธรรม จำได้และเอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้มากน้อยแค่ไหน ลองไปประเมินดูก็ได้นะครับ
หนุ่ม กรรชัย : ผมเกรงว่าประเมินแล้วเขาจะชอบมากกว่าที่พี่ศรีไปร้องน่ะสิ แต่ไม่เป็นไร พี่ศรีไปร้องแล้วนะ ไม่ดึงกลับนะ?
ศรีสุวรรณ : ครับ ๆ
หนุ่ม กรรชัย : ไม่ดึงกลับนะ ? มีแสงในตัวเองนะ?
ศรีสุวรรณ : ไม่ ๆ ฮะ ลูกกระสุนเมื่อยิงออกไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับได้ครับ
หนุ่ม กรรชัย : โอเค แต่พี่ศรียืนยัน พี่ศรีมีแสงในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปหาแสง หิวแสงที่ไหน?
ศรีสุวรรณ : ครับ ๆ
หนุ่ม กรรชัย : ลักษณะเหมือนกระสือ ? มีแสงแว้บ ๆ ถูกไหมฮะ?
พระมหาสมปอง : ดาวฤกษ์ก็ได้
หนุ่ม กรรชัย : ดาวฤกษ์ ๆ มีแสงในตัวเอง โอเคครับพี่ศรี เป็นกำลังใจนะฮะ
ศรีสุวรรณ : พี่ตำหนิผมเป็นกระสือนี่...
หนุ่ม กรรชัย : ไม่ใช่ (หัวเราะ) ผมบอกเดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเป็นกระสือหรือเปล่ามีแสงในตัวเอง วันหลังผมเชิญพี่ศรีมาออกดีกว่า
ศรีสุวรรณ : ครับ ๆ ยินดีครับพี่
ด้าน พระมหาไพรวัลย์ เลยขอชี้แจงกลับว่า “ให้ใส่อารมณ์ขันเข้าไปในชีวิตบ้าง อย่าเห็นเสียงหัวเราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ธรมมะที่สอนไปก็มีแทรกอยู่ เหมือนพระพยอมสมัยหนุ่มๆ ทำไมต้องมองเทศน์ขำเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น?” ซึ่งท้ายที่สุดยังอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการโพสต์เลขพร้อมเพย์ว่าเป็นแค่การเล่นกับโยมลูกเพจเท่านั้น ปกติใครมาขอพรีเซนเตอร์ก็ให้ฟรีหมด ขนาดยาสระยังให้ฟรีเลย
ในช่วงท้ายรายการ พระมหาไพรวัลย์ก็ได้ตอบกลับถึงคนที่บอกว่าการเทศน์ดังกล่าวเป็นเรื่องเสื่อม ไม่เหมาะสม และเป็นที่อับอายต่อคนศาสนาอื่นที่เข้ามาดูว่า “ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้จำกัดศาสนา ก่อนจะอายศาสนาอื่น อายตัวเองก่อนว่าทำไมไม่เห็นข้อดีของการเทศน์แบบนี้”