ศาลฎีกาพิพากษาแล้ว "เซเว่น อีเลฟเว่น" ชนะคดีถูกกล่าวหาก๊อบปี้สินค้าบานาน่า
ศาลฎีกาพิพากษาให้ "เซเว่น อีเลฟเว่น" ชนะคดีกรณีถูกกล่าวหาก๊อบปี้สินค้าบานาน่า คนเขียนบทความไม่ปฏิบัติตามสัญญา ต้องลงประกาศพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย
สำนักบริหารการสื่อสารองค์กร บมจ.ซีพี ออลล์ ออกข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 21-22 เมษายน 2558 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น ถูก นายชิน (ขอสงวนนามสกุล) เขียนและเผยแพร่บทความหมิ่นประมาทจำนวน 2 ตอน ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ)
ในทำนองว่า บริษัทฯ เป็นบริษัทใหญ่ แต่ไปรังแกผู้ประกอบการรายย่อยที่เสนอสินค้าเข้ามาขายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ด้วยการลอกเลียนสูตรสอดไส้ครีมคัสตาร์ดรสกล้วยของผู้ประกอบการรายย่อย แล้วนำไปทำการค้าหาประโยชน์เอง
อันเป็นการรังแกเอาเปรียบผู้ประกอบการรายย่อย โดยบทความดังกล่าวถูกส่งต่อในสังคมออนไลน์ และเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ อย่างแพร่หลาย ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ในการประกอบการของบริษัทฯ ตลอดมานั้น
บริษัทฯ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่นายชิน ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการ
ต่อมา พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องนายชินเป็นจำเลย ข้อหาหมิ่นประมาทตามบทกฎหมายดังกล่าว ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2843/2559 ซึ่งนายชิน ได้เปิดเผยความจริงว่า นายชินได้รับข้อมูลและเนื้อหาบทความดังกล่าวมาจาก นางสาว พ.
โดยที่นายชินเองก็ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่ และได้จัดทำบทความไปโดยไม่เคยสอบถามความเป็นจริงจากบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ ได้แสดงหลักฐานในการดำเนินคดีให้เห็นว่า บริษัทฯ ไม่มีการกระทำใดที่จะไปกระทำหรือเอาเปรียบผู้ประกอบการรายย่อยตามที่กล่าวหาในบทความ
ซึ่งนายชินได้ทำหนังสือแสดงความรู้สึกเสียใจและขอโทษบริษัทฯ ต่อหน้าศาล โดยนายชินยินดีที่จะแก้ไขฟื้นฟูความเสียหายของบริษัทฯ ด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและจะเผยแพร่บันทึกประนีประนอมยอมความระหว่างบริษัทฯ กับ นายชินฯ และเอกสารย่อคำฟ้องคดีอาญา ("บันทึกฯ") ที่แสดงถึงเหตุการณ์ในเรื่องนี้ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 29 มีนาคม 2560 และจะลงติดต่อกับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 รายละเอียด บันทึกฯ ปรากฏตามเอกสารแนบ
บริษัทฯ จึงได้แสดงน้ำใจโดยไม่ต้องการดำเนินคดีกับบุคคลที่ได้รู้สำนึก และไม่ใช่ตัวการที่แท้จริง ด้วยการถอนคำร้องทุกข์ไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาและไม่ติดใจเรียกค่าเสียหายจากนายชิน คดีจึงได้ระงับไปตามคดีอาญาแดงที่ อ.987/2560 แต่นายชินกลับไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ได้กระทำต่อหน้าศาลดังกล่าว บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องฟ้องนายชินในข้อหาผิดสัญญาต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.860/2560
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีดังกล่าว และคดีถึงที่สุดแล้ว โดยศาลพิพากษาว่า นายชินเป็นฝ่ายผิดสัญญา และนายชินต้องลงประกาศบันทึกในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำบังคับต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 8 เดือน 26 วัน นายชินต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทฯ เป็นเงินจำนวน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัทฯ ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชน และเรียนย้ำต่อคู่ค้าของบริษัทฯ ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงเพื่อแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บริษัทฯ และเพื่อให้สังคมได้ตระหนักถึงการใช้วิจารณญาณ ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลใดๆ ในสังคมออนไลน์ รวมตลอดถึงเพื่อป้องปรามมิให้บุคคล หรือกลุ่มบุคคลอื่นใด แสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยการใส่ความผู้อื่น หรือการทำการตลาดด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่เกิดกับบริษัทฯ อีกต่อไปด้วย