แฉเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรียกเงินผู้ต้องขังกว่า 2 ล้าน อ้างช่วยเลื่อนชั้นนักโทษ พ้นคุกเร็วขึ้นได้

แฉเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรียกเงินผู้ต้องขังกว่า 2 ล้าน อ้างช่วยเลื่อนชั้นนักโทษ พ้นคุกเร็วขึ้นได้

แฉเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรียกเงินผู้ต้องขังกว่า 2 ล้าน อ้างช่วยเลื่อนชั้นนักโทษ พ้นคุกเร็วขึ้นได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตผู้ต้องขังแฉ เจ้าหน้าที่เรือนจำเรียกรับเงิน อ้างเลื่อนชั้นนักโทษได้ ช่วยให้พ้นโทษเร็วขึ้น ถ้าไม่จ่ายก็จะถูกลดชั้น สูญเงินไปแล้วกว่า 2 ล้าน

(13 ก.ย.64) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายจำรัส อดีตผู้ต้องขังคดีฆ่าคนตาย ซึ่งเคยถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงเดือนเมษายน 2564 ที่เพิ่งพ้นโทษมา พร้อมหลักฐานการโอนเงินข้อความแชทพูดคุยต่อรองเรียกรับผลประโยชน์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ บก.ปปป.

หลังจากในช่วงระหว่างที่ถูกควบคุมตัวไว้ภายในเรือนจำดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายหนึ่ง อ้างว่าสามารถเลื่อนชั้นหรือลดชั้นและได้สิทธิ์การอภัยโทษลดจำนวนการจำคุกได้ โดยต้องจ่ายเงินให้เป็นค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นบาทถึงแสนบาท โดยอ้างว่าจะต้องนำไปจ่ายให้กับเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการพิจารณา

โดยนายจำรัสยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้หลายครั้งรวมมูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท โดยมีทั้งที่จ่ายเป็นเงินสดและที่เป็นการโอนเงินจากญาติมาให้อีก 5 ครั้ง โดยในระหว่างการถูกคุมขังอยู่นั้น ก็มีการถูกเลื่อนชั้นและลดชั้นอยู่บ่อยครั้ง โดยสอดคล้องกับการจ่ายเงินในแต่ละครั้ง หากไม่ยอมจ่ายให้ก็จะถูกลดชั้น โดยอ้างว่าทำเรื่องไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบ หากจ่ายให้ตามที่ต้องการก็จะได้รับการเลื่อนชั้นหรืออภัยโทษ พักนี้มีผู้ต้องขังที่ต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายดังกล่าวหลายคน โดยบางคนที่ยอมจ่ายเงินให้ตามที่เรียกรับก็ได้รับการพ้นโทษเร็วกว่า โดยนายจำรัสมีโทษจำคุก 23 ปี 4 เดือน แต่จำคุกจริงเพียงแค่ 5 ปี แต่ผู้ต้องขังรายอื่นที่จ่ายเงินให้กับพ้นโทษได้เร็วกว่าตัวเองทั้งที่โทษจำคุกมากกว่า

ทั้งนี้ ในระหว่างที่ตัวเองต้องพูดอยู่ภายในเรือนจำได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการเรือนจำดังกล่าวให้ตรวจสอบแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งได้ทำเรื่องไปถึงปลัดกระทรวงยุติธรรมซึ่งทางกระทรวงได้รับเรื่องแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไปอีก ทั้งที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายดังกล่าวก็รับสารภาพในขั้นตอนการสอบสวน จึงเข้าร้องเรียนกับนายอัจฉริยะและเข้าแจ้งความกับให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะคิดว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวและอาจมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในระดับเรือนจำและกระทรวงเกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังทำให้กระบวนการลงโทษผู้กระทำความผิดไม่ได้ผล และทำให้เกิดผู้กระทำความผิดออกมาก่อเหตุซ้ำเป็นจำนวนมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook