เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์อสังหาเบอร์ 2 จีน แจ้งขาดสภาพคล่อง พบแบกหนี้หลังแอ่น 10 ล้านล้าน!
ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ยังแจ้งระงับการซื้อขายหุ้นกู้ภายในประเทศของทางบริษัท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจปูทางไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ หรืออาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้
ข้อมูลที่มีการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์มีตราสารหนี้เชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2563
ทั้งนี้ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 2 แห่งได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC โดยให้แนวโน้มการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจากสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดน้อยลง และบริษัทมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างหนี้
ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ก็ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC+ พร้อมกับเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ของจีนมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยฟิทช์ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ จำนวน 5.72 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
“ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่ปล่อยกู้ให้กับเอเวอร์แกรนด์หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ที่มีความเปราะบาง อาจเผชิญกับหนี้เสียที่พุ่งขึ้นอย่างมาก” ฟิทช์ระบุ
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้สั่งระงับการซื้อขายหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์ที่มีกำหนดครบอายุในเดือน พ.ค. 2566 หลังจากที่ทรุดตัวลงมากกว่า 30%
ทางด้านเอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร ระบุว่า ทางบริษัทได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของทางบริษัท นอกจากนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวยังเตือนว่าขณะนี้ยังไม่มีการรับประกันใดๆ ว่าบริษัทจะสามารถชำระหนี้ได้ตามภาระผูกพัน
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ลูกค้าของบริษัทแห่กันมารวมตัวหน้าสำนักงานของบริษัททั้งในเมืองเสิ่นเจิ้นและอีกหลายเมืองทั่วประเทศจีน เพื่อขอเงินดาวน์คืนจากการที่บริษัทระงับการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก เนื่องจากขาดแคลนเงินทุน
AFP
มีการประเมินว่า ขณะนี้เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขาย ท่ามกลางความไม่มั่นใจต่อสถานะทางการเงินของบริษัท
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่าในท้ายที่สุดรัฐบาลจีนจะเข้าช่วยเหลือบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ตามคำกล่าวที่ว่า too big to fail โดยจะไม่ปล่อยให้เกิดการล้มละลาย เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทจะสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อระบบการเงินของจีน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
ขณะนี้รัฐบาลของมณฑลกวางตุ้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ของเอเวอร์แกรนด์แล้ว
ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน โดยมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของจีน