สั่งย้าย ด.ต. พูดคุกคามผู้สื่อข่าว ถาม "ใส่กางเกงในมาไหม" พร้อมรีดไถเงินค่ากาแฟ

สั่งย้าย ด.ต. พูดคุกคามผู้สื่อข่าว ถาม "ใส่กางเกงในมาไหม" พร้อมรีดไถเงินค่ากาแฟ

สั่งย้าย ด.ต. พูดคุกคามผู้สื่อข่าว ถาม "ใส่กางเกงในมาไหม" พร้อมรีดไถเงินค่ากาแฟ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สั่งย้าย ด.ต. สน.ภาษีเจริญ แล้ว หลังผู้สื่อข่าวเข้าแจ้งความ แต่ถูกพูดคุกคามทางเพศ พร้อมรีดไถเงินค่ากาแฟ

จากเหตุการณ์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวของผู้สื่อข่าวหญิงช่องหนึ่งพร้อมเพื่อนสาว ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ แล้วถูกร้อยเวรพูดจากคุกคามทางเพศ "ใส่กางเกงในมาไหม" พร้อมจะเรียกขึ้นไปชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว พร้อมกับรีดไถเงินค่าน้ำค่ากาแฟเลี้ยงตำรวจในโรงพักนั้น

ล่าสุด วันนี้ (19 ก.ย.) พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันคือวันที่ 15 ก.ย. ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ทราบว่า มีมูลตามกรณีที่เป็นข่าวและมีการพูดคุกคามจริง

โดยผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าวไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ออกคำสั่งย้าย ด.ต.เกรียงกมล (ขอสงวนนามสกุล) ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สน.ภาษีเจริญ ไปปฎิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่พบปะประชาชนโดยออกคำสั่งสถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ ที่ 155/2564 ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2564 แล้ว

ทั้งนี้ ตำรวจนายนี้มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวนยศดาบตำรวจ ไม่ใช่ร้อยตำรวจโทแต่อย่างใด ซึ่งทางต้นสังกัดได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า การปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้นต้องปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและบริสุทธิ์ยุติธรรม รวมถึงต้องไม่มีท่าทีหรือการคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง รวมถึงต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพเรียบร้อย เพื่อส่งเสริมและเป็นภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประชาชนเชื่อถือและเชื่อมั่นในการปฎิบัติหน้าที่

กรณีดังกล่าว ขณะนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการสั่งให้ผู้กำกับ สน.ภาษีเจริญ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ที่ถูกกล่าวหาเพื่อหาข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงก็จะถูกดำเนินโทษตามวินัย รวมถึงตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญาด้วยหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการทั้งสองประเด็นควบคู่กัน

ด้าน ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ระบุว่า ตอนนี้ยังตกใจกับพฤติกรรมที่ถูกตำรวจกระทำไปแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์กับตนเอง ทำข่าวมานาน ไม่เคยคิดว่าบนโรงพักจะเป็นจุดที่อันตราย และขอให้ตำรวจนายดังกล่าวอย่าทำแบบนี้กับบุคคลอื่นอีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook