ส่งตร.230นายคุมสถานทูตเขมร24ชม.

ส่งตร.230นายคุมสถานทูตเขมร24ชม.

ส่งตร.230นายคุมสถานทูตเขมร24ชม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นครบาล ส่งตำรวจ 230 นาย คุมเข้มสถานทูตกัมพูชา 24 ชั่วโมง ด้านกรมราชทัณฑ์ เตรียมเซนเซอร์ข่าวขัดแย้งไทย-เขมร ป้องกันปัญ หากระทบกระทั่งระหว่างผู้ต้องขังชาวกัมพูชากับผู้ต้องขังชาวไทย

(6พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ตรวจความเรียบร้อยทั้งใน และนอกสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย หลังเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยถูกเรียกตัวกลับประเทศ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจเพิ่มเติมจากเดิม ทั้งชุดปราบปรามจราจลจาก สน.ต่างๆ ในกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 230 นาย โดยจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง จัดไว้ทุกประตูทางเข้า-ออกสถานทูต และบริเวณพื้นที่โดยรอบ พร้อมนำแผงเหล็กปิดกั้นถึงแนวบาทวิถี รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์บนอาคารสูงบริเวณใกล้เคียง หากประเมินว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็ขอกำลังเสริมทันที

นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการควบคุมดูแลผู้ต้องขังสัญชาติกัมพูชาในระหว่างที่ไทยมีปัญหาความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศกับรัฐบาลกัมพูชา ว่า เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาลุกลามมาถึงผู้ต้องขังในเรือนจำ ยอมรับว่าเรือนจำได้คุมตัวผู้ต้องขังชาวกัมพูชามีจำนวนมากพอสมควร การคุมขังไม่ได้แยกแยะสัญชาติ สามารถอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังต่างชาติและผู้ต้องขังชาวไทยตามปกติ แต่จะกำชับไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวสารทั้งจากโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เรื่อง ความขัดแย้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า แม้ว่าความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาจะมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ถึง ขั้นมีการเรียนเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทย แต่การประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้าซึ่งจะมีวาระการพิจารณาบันทึกการประชุมคณะ กรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (เจบีซี) ที่รัฐบาลเสนอให้รัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ยังคงเป็นไปตามปกติ เพราะถือว่าเป็นคนละกรณีกัน

เรื่องการตอบโต้ทางการทูตก็สามารถดำเนินได้ต่อตามความเห็นสมควรของฝ่าย บริหาร แต่สำหรับหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อได้มีการบรรจุระเบียบวาระการ พิจารณาเอาไว้แล้วก็จะต้องทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงยกเลิกระเบียบวาระดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลานี้ยังไม่มีดำริจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าให้มีการถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการพิจารณาของรัฐสภาแต่ประการใด ดังนั้น การประชุมรัฐสภาก็ยังคงเป็นไปตามปกติซึ่งวิปรัฐบาลได้มีมติแล้วว่าจะให้มี การตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันของกัน 2 สภาเพื่อพิจารณาบันทึกการประชุมเจบีซีร่วมกัน

" การประชุมรัฐสภายังคงเป็นไปตามปกติตามที่ได้มีการบรรจุระเบียบวาระเอาไว้ แต่รัฐบาลจะรอฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาว่าจะมีความเห็นอย่างไรก่อน จากนั้นรัฐบาลถึงจะมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้ง " นายชินวรณ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสัปดาห์หน้าจะประชุมร่วมกันของรัฐสภานอกเหนือไปจาการพิจารณาเรื่องบันทึก การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (เจบีซี) ยังมีวาระอื่น ๆ ที่สำคัญ คือ การพิจารณาความตกลงการค้าระหว่างประเทศกับยูเครน กรอบการเจรจาพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลกและกรอบการเจรจาความตกลงการค้า เสรีไทยภายใต้การเจรจากับประเทศนอกกลุ่ม เป็นต้น ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมรัฐสภาเป็นเวลา 4 วัน ได้แก่วันที่ 9-10 พ.ย.และ 12-13 พ.ย.ยกเว้นเพียงวันที่ 11 พ.ย.ที่จะเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตามปกติ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook