"กรีน อัษฎาพร" ยึดมั่น เป้าหมายสำคัญ คือ ความฝันของแม่ ร้องไห้ไม่ได้แปลว่าต้องหยุดเดิน

"กรีน อัษฎาพร" ยึดมั่น เป้าหมายสำคัญ คือ ความฝันของแม่ ร้องไห้ไม่ได้แปลว่าต้องหยุดเดิน

"กรีน อัษฎาพร" ยึดมั่น เป้าหมายสำคัญ คือ ความฝันของแม่ ร้องไห้ไม่ได้แปลว่าต้องหยุดเดิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงนักแสดงสาวที่เป็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากของแฟนละครในช่วงก่อนหน้านี้ ต้องยกให้นักแสดงสาวฝีมือดีอย่าง กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ที่ล่าสุดทำเอาวงการละครร้อนเดือดปุดๆ กับการพลิกบทบาทสุดขั้ว เป็น "รำนำ" ในละครรสแซ่บ "กระเช้าสีดา" ออนแอร์ทางช่อง ONE 31 ออกอากาศไม่กี่ตอนทำแฟนๆ อินมาก ถึงขั้นติดเทรนด์ทุกช่องทาง

แม้ก่อนหน้านี้ต้องงดออกอกาศไปเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 กองถ่ายไม่สามารถถ่ายทำต่อได้ แต่ล่าสุดแฟนละครได้เฮเพราะละครเรื่องนี้กลับมาออกอากาศอีกครั้งตั้งแต่อีพีที่ 1 ให้ชมกันแบบไม่ขาดตอน

งานนี้ sanook.com เลยขอคว้าตัว น้องรำนำ หรือ สาวกรีน มาพูดคุยกันกับบทบาทล่าสุดที่แซ่บน่าหมั่นไส้จคนส่งข้อความมาด่ารัวๆ พร้อมกับพูดคุยถึงชีวิตการทำงานที่ผ่านมา และเป้าหมายที่อยากไปให้ถึง รวมทั้งความรักสุดหวานกับแฟนหนุ่ม ธันวา สุริยจักร ว่าเป็นยังไงกันบ้าง 

ละครกลับมาออนแอร์ได้แล้วหลังจากหยุดไปท่ามกลางเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ?

"กลับมาแล้วค่ะ จากที่หยุดออกอากาศกันไป 5-6 เดือน ตอนนี้กลับมาถ่ายทำกันแล้ว เราเข้าใจคนดูเลยว่าเขารอดูสดๆ มันต้องขาดตอนไปแต่ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ เราไม่ได้สามารถออนแอร์ต่อได้ ไม่ได้เป็นแผนการตลอดแต่อย่างใด (หัวเราะ)"

บท "รำนำ" พาฟีดแบ็กอะไรมาถึงตัวเรายังไงบ้าง?

"ใกล้ตัวที่สุดก็มาทางโซเชียลค่ะ อย่างในไอจี ทวิตเตอร์ต่างๆ สิ่งที่เจอ คือ คนดูอินถึงขั้นส่งข้อความมาด่าในไดเรคไอจีเยอะมาก เกลียดรำนำ อีรำนำอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ละคำสรรหามาด่า เราอ่านแล้วก็นั่งขำว่า เออ เขาก็ช่างสรรหาคำมาด่ากันเนาะ บางคำทีจัดเต็มแบบพูดไม่ได้ (หัวเราะ) บางคนก็ส่งรูปมาว่าดูอยู่แต่มีภาพส้นเท้าวางปาดมากับจอทีวี ตั้งแต่เล่นละครมาเพิ่งเจอแบบนี้ครั้งแรกเลยค่ะ"

"ตอนถ่ายก็คุยกับพี่ปีเตอร์ว่าเราต้องโดนด่าแน่ๆ เลย พี่ปีเตอร์ก็บอกว่ายังไงก็โดน แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าจะเป็นฟีลไหนเพราะไม่เคยเล่นบทแนวนี้มาก่อน พอละครออนเท่านั้นแหละรู้เรื่องเลยค่ะ มันหนักเบอร์นี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จจริงๆ ในคาแร็กเตอร์รำนำ คนด่าเยอะแสดงว่าคนน่าจะชอบที่เราแสดงไปนะ"

กรีน ในละคร กระเช้าสีดา

ไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน ยากไหมกว่าจะถ่ายทอดออกมาจนคนเกลียดขนาดนี้?

"ยากค่ะ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถ มีไปเวิร์คช็อป หาคาแร็กเตอร์ พอเรามีแกนหลักของรำนำ เราก็จะไม่หลุดจากแกนเขาไป ตอนไปทำงานกับพี่ๆ นักแสดงคนอื่นก็ไม่ยากเลยเพราะทุกคนเก่งมาก ไม่เครียด ไม่กังวลค่ะ กรีนก็เต็มที่กับการแสดงด้วยเพราะกรีนมองว่าการได้แสดงบทบาทแบบนี้มันเหมือนการปลดปล่อยเหมือนกันนะ เพราะเราคงไปทำแบบนี้ในชีวิตจริงได้ แต่พอมันเป็นเรื่องของการแสดงเราใส่เต็มไปหมดเลย"

แกนจริงๆ ของรำนำ เขาเป็นยังไง?

"เขาจะมีเหตุและผลของเขา มีปมที่กว่าเขาจะมาเป็นอย่างวันนี้ ที่เปิดเรื่องมาก็โวยวาย อยากได้อยากมี มีความทะเยอทยานแต่ไม่ได้มีความคิดซับซ้อนมากในตอนแรก แต่เขาจะมีสเต็ปการเติบโตของเขา ซึ่งถ้าเรามองย้อนกลับไปสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ คือ เขามีแม่คนเดียว อยู่กับแม่ที่เป็นคนใช้ ไม่มีพ่อ เขาเลือกเกิดไม่ได้ ด้วยความยากจนเขาโดนดูถูก เพื่อล้อ บูลลี่ ทั้งเรื่องชาติกำเนิด ฐานะ ทำถูกก็หาว่าทำผิด แต่กับคนรวยทำผิดดันบอกว่าทำถูก

ทำให้สิ่งนี้ฝังอยู่ในจิตใจเขาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีใครคอยขัดเกลาเขา แม่ก็ไม่ได้มีเวลามาดูแล หรือ สอนเขาจนเขาโตสิ่งเหล่านี้ซึมซับไปในตัวเขาหมดแล้ว ถ้าดูไปเรื่อยๆ จะได้เห็นว่าอะไรที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นคือแง่คิดสะท้อนสังคมจริงๆ ตัวละครแต่ละตัวก็มีคนที่เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ละคนก็มีวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหาที่ต่างกันออกไป"

มีสิ่งหนึ่งที่รำนำและกรีนมีเหมือนกันคือความรักแม่?

"สิ่งเดียวที่กรีนและรำนำมีเหมือนกันก็คือความรักแม่นี่แหละค่ะ รำนำเขาจะรักและห่วงใยแม่อยู่ตลอด วันที่รำนำเติบโต มีพัฒนาการที่สามารถเป็นเจ้าของอะไรได้เขาก็ไม่เคยลืมแม่ ความที่มีเงิน มีทุกอย่าง ก็ให้แม่ออกมาจากการเป็นคนใช้ ไม่ต้องทำอะไรรำนำจะดูแลแม่เอง นางก็จะมีมุมนี้ เพียงแต่ว่าความเลวของนางอาจจะบดบังความดีที่มีน้อยนิดนั้นไป"

ถือว่าบทนี้เปิดโลกใหม่ในการแสดงของเรา?

"ใช่ค่ะ กรีนก็รักการแสดง พอได้ลองอะไรใหม่ๆ เหมือนเป็นการเพิ่มทักษะให้เราได้ซึมซับสิ่งดีๆ จากพี่ๆ ในกอง ได้เก็บเล็กผสมน้อยจากนักแสดงทุกคน สนุกมาก และกรีนชอบที่จะปรับตัวและพัฒนางานของตัวเองไปเรื่อยๆ ด้วย"

ปังมากในบทร้าย กลัวคนจะติดภาพจนกลับไปรับบทนางเอกไม่อินไหม?

"ไม่หรอกค่ะ เพราะกรีนก็คงไม่ได้รับบทแบบนี้บ่อยๆ เพราะหนักมากจริงๆ การที่กรีนออกมาเป็นฟรีแลนซ์เพราะอยากรับงานหลากหลาย ให้คนเห็นกรีนในบทบาทที่ต่างกันออกไปอยู่แล้ว ไม่อยากให้คนดูรู้สึกว่าจำเจค่ะ"

รำนำ จาก กระเช้าสีดา

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการคิดไหมว่าจะอยู่มานานเป็นสิบปีขนาดนี้?

"ไม่เลยค่ะ ตอนแรกที่เข้าบ้านเอเอฟคิดแค่ว่าจะเข้าไปกินของฟรีในบ้าน (หัวเราะ) ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะเป็นใบเบิกทางให้เราได้มาเล่นละคร มาอยู่ในวงการ ได้เป็นนักแสดง ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว คือ ยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นเลย แต่พอมีโอกาสเข้ามาได้เล่นละคร เราก็รับ เล่นไปเรื่อยๆ เหมือนเส้นทางทำให้เราได้เจอประสบการณ์มากมาย จนรู้สึกว่า เราก็เล่นได้ เราทำได้ ฝ่าฟันในจุดที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ เคยคิดว่าร้องไห้ไม่ได้ ก็ร้องได้ เห็นว่าตัวเองเมื่อพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จเราก็ทำได้ พอเราทำได้เรารู้สึกภูมิใจ กลายเป็นว่าอยากทำไปมากกว่านี้ อยากท้าทายมากกว่านี้ มารู้ตัวอีกทีเราก็รักอาชีพนี้ไปแล้ว"

"จากเมื่อก่อนที่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองมีความฝันอะไร อยากทำอะไร คิดแค่ว่าเป็นอะไรก็ได้แค่หาเงินได้ก็พอ เพราะว่าตอนนั้นยังเด็กไม่ได้มีภาระอะไรที่ต้องดูแล ครอบครัวทำเกี่ยวกับก่อสร้าง ก็เรียนอะไรเกี่ยวกับงานตรงนี้แล้วกัน เลยเรียนออกแบบภายใน ซึ่งจบมาก็ไม่ได้ใช้ แต่เพิ่งมาค้นพบตัวเองหลังจากเข้าวงการแล้วว่าเราชอบงานการแสดงนี้แหละ"

มีสิ่งไหนในวงการที่รู้สึกว่าปรับตัวยากไหม?

"ไม่มีอะไรยากหรือง่ายนะคะ อาจจะเพราะว่ากรีนเป็นคนชอบปรับตัวอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญน่าจะเป็นเรื่องของการยอมรับความเป็นจริง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น สำคัญที่สุด คือ ยอมรับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนบอกเรา หรือ วิจารณ์เราอะไรก็ตาม พอเรารับตรงนี้ได้สิ่งที่ตามมามันทำให้เราอยู่ตรงไหนก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองเราในทางไหน ดี หรือ ไม่ดี เพราะเราไม่ได้สนใจตรงนั้น เราสนใจในสิ่งที่เราทำ ณ ปัจจุบัน งานของเรา ชีวิตและครอบครัวของเรามากกว่า มันทำให้เรามีเป้าหมายและโฟกัสกับงานเรามากขึ้น แต่กว่าเราจะมาถึงวันที่มีความคิดแบบนี้ได้มันก็ต้องผ่านอะไรมาหลายอย่าง"

"ถามว่าเคยงอแงไหม ไม่ถึงขั้นงอแง กรีนอาจจะได้แม่มา เพราะแม่เป็นคนค่อนข้างไม่ค่อยพูด พยายามอดทน เก็บทุกอย่างให้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกรีนก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่กรีนอาจจะเป็นคนพูดเยอะกว่าเพราะรู้สึกว่าไม่อยากเก็บ มันอึดอัด แต่พอเราอึดอัดหรือไม่สบายใจเราก็พยายามไม่คุยกับใคร เพราะไม่อยากเอาพลังงานลบๆ ไปให้เขา แค่กรีนได้ระบายด้วยการร้องไห้แป๊บนึง กรีนก็รู้สึกดีแล้ว หรือ วันไหนที่รู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย มีแต่ความคิดลบๆ กรีนก็หาทางออกอื่นๆ เช่น ไปดูซีรีส์ ให้มันลืมๆ ไป เราก็มีวิธีการจัดการมัน พอเราทำไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้ว่าถ้าคราวหน้าเจอเหตุการณ์อะไรลบๆ หรือร้ายแรงเราก็จะมีวิธีรับมือกับมัน เป็นสิ่งที่ก็ทำให้เราโตขึ้นค่ะ"

"ยิ่งในวงการบันเทิงมันมีหลายอย่างให้เรียนรู้เยอะ คนอาจจะมองว่า นี่แหละวงการมายา แต่สำหรับตัวกรีนเอง กรีนก็ยังอยู่ในวงการได้โดยที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร กรีนว่าทุกวงการมีการแข่งขันกันทั้งนั้นเพียงแต่ว่าเราจะมองในมุมไหน มุมลบ หรือ มุมบวก และโฟกัสที่ตรงไหน แต่สำหรับกรีน กรีนมองครอบครัวเป็นหลัก กรีนให้ความสำคัญกับแม่เป็นหลัก และมองเป้าหมายความฝันของเรา ทำให้เราเดินไปในเป้าหมายของเราพร้อมๆ กับการงานที่ทำยังไงที่จะให้เดินควบคู่กันไปได้"

กรีน อัษฎาพร

"ระหว่างทางเราจะเก็บแต่ดอกไม้ เราจะไม่เก็บก้อนหินข้างทางที่มันทำให้เราเจ็บ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องไปสนใจมัน มันอาจจะมีหลายครั้งที่เราร้องไห้ แต่ร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดทำ เราร้องไห้เพื่อระบายเฉยๆ แต่การขับเคลื่อนของเรามันยังต้องขับเคลื่อนตลอดเวลา ขอแค่ระบาย พักแป๊บนึงแล้วเราจะเดินต่อ"

ความฝันของเราตอนนี้คืออะไร?

"ถ้าในเรื่องงานกรีนก็อยากเติบโตในวงการ ทำงานแสดงไปได้ไกลกว่านี้ อาจจะเป็นงานอินเตอร์เพราะอยากลองร่วมงานกับผู้กำกับหรือทีมงานต่างชาติ อยากไปเรียนรู้ในสิ่งที่เรายังไม่เคยสัมผัส กรีนไม่ได้บอกว่ากรีนเก่งนะ แต่กรีนรู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเก่ง หรือ ไม่เก่ง มันมีแต่คำว่าเราอยากจะเรียนรู้มั้ย เราพร้อมจะเรียนรู้ ปรับตัวและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือเปล่า สำหรับกรีน กรีนพร้อม เชื่อว่าถ้าเราเชื่อมั่นมันจะมีวันนั้นสำหรับเรา กรีนค่อนข้างเชื่อและศรัทธาในตัวเอง ไม่ใช้คำว่ามั่นใจ แต่เชื่อว่าเราทำได้มากกว่าค่ะ"

"กรีนเป็นคนที่เวลามีความฝันหรือเป้าหมายชัดเจนกรีนจะไม่ค่อยเปลี่ยน เรียกว่าไม่เปลี่ยนเลยดีกว่า มันจะมั่นคงและแข็งแรงมาก ก็ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งนะคะที่เป็นแบบนี้มานานแล้ว ระหว่างทางถ้ามันจะต้องปรับเปลี่ยน หรือพัฒนาเพื่อไปสู่เป้าหมาย กรีนยินดีรับและเปลี่ยนมัน"

เป้าหมายที่บอกว่ามั่นคงมากของกรีนนั่นคืออะไรบ้าง?

"ครอบครัว แม่ ความฝันของแม่ ความฝันของเรา อย่างเรื่องคุณแม่ กรีนไม่รู้ว่าแม่มีความฝันไหมแต่แม่ลำบากมาตลอด กรีนอยากมีบ้านให้แม่ ให้แม่ได้อยู่อย่างสบายไม่คับแคบ ให้เขาสามารถพาเพื่อนๆ มาที่บ้านได้ แม่จะติดเพื่อนเพราะไม่มีพ่อ แม่อยู่คนเดียวแกก็เหงา อยากทำห้องให้แม่ได้ดูหนังทั้งวันให้ตาแฉะไปเลย (หัวเราะ) ซึ่งความฝันของแม่ก็คือความฝันของกรีนนั่นแหละ กรีนอยากอยู่กับแม่ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงฟูมฟัก ค่อยๆ สร้างไปเรื่อยๆ เป็นเป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ค่ะ"

ในเส้นทางนี้ทำให้เราท้อบ้างหรือยัง?

"ไม่ถึงกับท้อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่เจอเรื่องราวอะไรที่มากระทบเลยนะคะ มันก็มีค่ะ แต่ว่าไม่ได้ถึงขั้นว่าไม่อยากอยู่ในวงการแล้ว หรือไม่อยากทำต่อแล้วขนาดนั้น ยังเป็นอะไรที่เรายังอยากฝ่าฟันมันไปให้ได้ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อ เราทิ้งมันไม่ได้เพราะเรายังมีแม่ ยังมีน้องที่ต้องดูแล ไม่ว่าเราจะเจออะไรมา สิ่งที่ทำให้เราไปต่อคือจุดหมาย เป้าหมายของเราอย่างที่บอก เรายังมีจุดยึดเหนี่ยว เรายังไปไม่ได้ เราต้องอยู่"

ความน่ารักของกรีนและแม่

"อย่างเรื่องคำวิพากษ์วิจารณ์ถามว่ามีไหม มีค่ะ จะบอกว่าเราคิดบวกมากจนสามารถมองข้ามเรื่องลบได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยไหมมันก็ยังไม่ขนาดนั้น บางอย่างที่กระทบมาโดนจิตใจเราเราก็รู้สึก แต่เราก็ช่างมัน มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด แค่เรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว"

มีอะไรในชีวิตที่ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งนั้นเราต้องเสียใจแน่ๆ? 

"ก็เรื่องแม่นี่แหละค่ะ ถ้าไม่ได้ทำให้แม่ต้องเสียใจแน่นอน เพราะเราไม่ทันทำให้พ่อ คุณพ่อเสียไปก่อน เลยรู้สึกว่าไม่ได้ละ เราต้องโฟกัสจริงๆ"

แล้วตอนนี้พอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้พยายามหรือยัง?

"พอใจค่ะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะหยุด ไม่ได้โลภนะคะ แค่รู้สึกว่าเรายังพัฒนาได้อีก ยังไปได้อีก ในเมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์แล้วเราสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ อยากพาแม่ไปเที่ยวรอบโลก แต่เราก็ต้องมีปัจจัย ซึ่งต้องทำงาน กรีนอยากให้แม่เป็นของขวัญเพราะกรีนไม่รู้ว่าเขาจะอยู่กับกรีนได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้ก็เลยเหมือนว่าทุกอย่างโฟกัสไปที่แม่หมดเลย เพราะแม่คือทุกอย่าง แม่ลำบากมาตลอด พอเขาลำบากเขาก็จะชินกับการอยู่ด้วยการเก็บหอมรอมริบ ไม่ใช้เงิน ไม่กล้าใช้ ทุกอย่างประหยัดไปหมด อย่างเวลาเป็นอะไรลูกจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม คิดว่าเขากลัวเปลืองเงิน ไม่อยากจะเสียเงิน เพราะที่บ้านเราก็มีหนี้สิน กรีนก็ไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้น อยากให้เขามีอิสระที่จะใช้จ่าย แล้วลูกจะดูแลตรงนี้เอง อยากให้เขามีความสุข"

ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจเยอะโควิดมาทำให้ปิดไปอีก?

"ปิดไปหมดแล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้เหลือแค่ธุรกิจอาหารเสริมที่ทำกับธันวาและพี่ที่เป็นหุ้นส่วนอีกสองคน ส่วนที่ปิดไปคงไม่มีโอกาสได้เปิดอีกแล้ว ปล่อยเขาไปเลย ถามว่าเสียดายไหม เสียดายแต่ดีกว่าเสียใจ เพราะถ้าไม่ปิดไปอาจจะต้องเสียใจกว่านี้ กรีนคงจะสูญเสียอะไรหลายอย่าง อาจจะต้องขายรถ (หัวเราะ) ด้วยสถานการณ์โควิดที่หนักมากก็คิดว่าปิดไปดีกว่า อาจจะไม่ได้กำไรเลย แต่ก็ได้กำไรเรื่องประสบการณ์ เราเริ่มต้นใหม่ได้"

กับ ธันวา แพลนอะไรไว้อีกไหม?

"ตอนนี้แพลนว่าเก็บเงินก่อน โควิดทำให้เห็นเลยว่าเราต้องมีเงินเย็นติดตัว เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ทำให้เราต้องบริหารและวางแผนเรื่องการเงินใหม่ทั้งหมด ช่วงโควิดทำให้เราได้เห็นตัวเอง ได้เรียนรู้สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้ตัวเองเยอะเหมือนกัน อย่างธันวาเองเขาก็มีความคิดเหมือนกัน เขาก็มีความฝันอยากทำร้านอาหาร คุยกับเขาว่าถ้าชอบก็โฟกัสด้านนี้ให้สุดๆ ไปเลย เพราะสามารถต่อยอดได้"

คบกับธันวามากี่ปีแล้ว?

"6-7 ปีแล้ว รู้สึกว่าผ่านไปแป๊บเดียวเองค่ะ"

ความรักตอนนี้เป็นยังไงกับ้าง?

"คู่เราไม่ได้มีอะไรหวือหวาค่ะ เราทำงานกันทั้งคู่ เวลาก็อาจจะไม่ได้ตรงกันสักเท่าไหร่ แต่ก็คุยกันปกติเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย ยิ่งเวลาใครถ่ายละครก็แทบไม่เจอกันเลยเพราะเหนื่อย แต่ถ้ามีธุรกิจอะไรน่าสนใจเราก็จะคุยเรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว (หัวเราะ) ด้วยความที่โฟกัสของเราเหมือนกันมาก ทั้งเรื่องการทำงาน การเก็บเงิน เวลามีอะไรก็จะปรึกษากัน รวมทั้งเตือนกันด้วย"

กรีน-ธันวา

ทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า?

"มี แต่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาก (หัวเราะ) มีน้อยใจกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ ด้วยความที่บางทีเราอาจจะสื่อสารกันผิด สมัยก่อนก็เป็นกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้โตกันแล้วก็ใช้เหตุผลกันมากขึ้น ทะเลาะกันน้อยลง"

คบกันนานพอสมควรเห็นอะไรในตัวเขาบ้าง?

"ธันวาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายค่ะ เขายอมที่จะลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเรา อย่างเมื่อก่อนเขาก็จะมีความอารมณ์ร้อนตามประสาผู้ชาย ทำอะไรก็กระโชกโฮกฮาก ทำเร็ว ไม่ละเอียด ซึ่งเราเป็นคนค่อนข้างละเอียด เวลาจะทำอะไรแต่ละทีก็เหมือนขัดกัน กรีนก็มีเมื่อก่อนเป็นคนพูดไว พูดตรงซึ่งอาจจะยังไม่ได้กรั่นกรอง บางทีก็พูดบางอย่างที่ไปกระทบความรู้สึกเขา จนเราต้องมานั่งคุยกันหาตรงกลาง ดีที่เราทั้งคู่พร้อมที่จะปรับ ก็เลยโอเค"

เขาเป็นอะไรให้เราบ้าง?

"เป็นเพื่อน เป็นคู่คิด ช่วยที่บ้านหลายๆ อย่าง มาทำกับข้าวให้ที่บ้านกิน คู่เราจะสไตล์ง่ายๆ สบายๆ ชิลล์ๆ ไม่จำเป็นต้องบอกรัก ต้องหวาน หรือมาเซอร์ไพรส์อะไรกันค่ะ"

คิดเรื่องแต่งงานบ้างหรือยัง?

"ไม่มีความคิดเลย กรีนก็บอกเขานะว่ายังไม่คิดเลย เขาก็คิดเหมือนกรีนนะ เพราะถ้าเราจะสร้างครอบครัวหมายถึงกระเป๋าเงินต้องเป็นกระเป๋าเดียวกันแล้ว ต้องมีหลายอย่างตามมาอีกเยอะมาก เรายังไม่พร้อม เพราะกรีนมีภาระที่ต้องจัดการอีกเยอะ กรีนอยากจัดการให้จบไม่ได้อยากให้เขาต้องมาจัดการภาระกับกรีน เพราะมันเป็นส่วนที่กรีนต้องรับผิดชอบเอง เราจะมาเห็นแก่ตัวให้เขามาร่วมรับผิดชอบกับเรามันก็ไม่ใช่ค่ะ เราต้องมั่นคงด้วยตัวเองให้ได้ก่อน"

สุดท้ายให้กรีนฝากผลงานหน่อย?

"ฝากละครด้วยนะคะ กระเช้าสีดา กลับมาออนแอร์แล้วตั้งแต่อีพีที่ 1 เลย ทางช่องวัน 31 ฝากธุรกิจอาหารเสริมด้วยค่ะ เข้าไปดูในไอจีได้เลยขอบคุณค่ะ ส่วจะมีอะไรอีกต้องติดตามกันต่อไป แต่ตอนนี้ขอเก็บเงินก่อนค่ะ (หัวเราะ)"

จากที่คุยกับน้องรำนำ เอ้ย! สาวกรีนในวันนี้ ต้องบอกเลยว่าเธอคนนี้สวยทั้งภายในและภายนอกจริงๆ ทั้งเรื่องความตั้งใจทำตามฝัน และความกตัญญูที่เป็นสวยงามและอบอุ่นมากๆ ยังไงแฟนๆ ห้ามพลาดการกลับมาของเธอในครั้งนี้ รับรองแซ่บสะท้านแน่ๆ 

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ ของ "กรีน อัษฎาพร" ยึดมั่น เป้าหมายสำคัญ คือ ความฝันของแม่ ร้องไห้ไม่ได้แปลว่าต้องหยุดเดิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook