สธ.ยัน โควิดยะลาไม่ใช่คลัสเตอร์ใหญ่ แม้ยอดติดเชื้อพุ่ง 738 ราย

สธ.ยัน โควิดยะลาไม่ใช่คลัสเตอร์ใหญ่ แม้ยอดติดเชื้อพุ่ง 738 ราย

สธ.ยัน โควิดยะลาไม่ใช่คลัสเตอร์ใหญ่ แม้ยอดติดเชื้อพุ่ง 738 ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 จ.ยะลา ว่า วันนี้ (2 ตุลาคม 2564) ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดรักษาหาย 13,127 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบ 11,375 ราย และเสียชีวิต 87 ราย

สำหรับ จ.ยะลา ที่พบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของประเทศ คือ 738 ราย ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลาว่า การติดเชื้อในพื้นที่ยังเป็นลักษณะเดิม คือ การติดเชื้อในบ้านและชุมชน ไม่ได้มีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคน เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงในชุมชน เป็นต้น สำหรับโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ จ.ยะลา มีอัตราเสียชีวิต 0.74% น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

สำหรับแนวทางการลดผู้ติดเชื้อ จะเฝ้าระวังการเสียชีวิตของกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและคัดกรองการติดเชื้อในชุมชน รวมถึงย้ำมาตรการ DMHT ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน จะมีการตั้งศูนย์สู้ภัยโควิดในที่ทำงาน เช่น สำนักงาน โรงงาน สถานประกอบการ ร้านอาหาร และตลาด โดยเน้นมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) และการทำงานที่บ้าน (Work From Home) การตรวจพนักงานด้วยชุดตรวจ ATK ประมาณ 10% ทุกสัปดาห์ เพื่อเฝ้าระวังและแยกกักผู้ติดเชื้อโดยเร็ว ป้องกันไม่ให้สถานที่เสี่ยงเหล่านี้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ ตัดวงจรการระบาด และป้องกันการนำเชื้อกลับไปแพร่ที่บ้าน

นอกจากนี้ จะเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งภาพรวม จ.ยะลา ฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 แล้ว 47% ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 60% โดย อ.เมืองยะลา และ อ.เบตง ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 70% แต่ยังต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และเข้มมาตรการร้านอาหารต้องฉีดวัคซีนพนักงานให้ครบ 2 เข็ม โดยจะระดมสรรพกำลังทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และประชาชนในการสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งมีประสิทธิผลในการลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยการฉีดด้วยสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าห่างกัน 3 สัปดาห์ ที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะช่วยให้ฉีดเข็ม 2 ได้ครอบคลุมเร็วขึ้น และในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ จะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียนอีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook