การ์นิเย่ตั้งเป้าสนับสนุนประชากรใช้ชีวิตแบบ “Green” เปิดแคมเปญมุ่งให้คนก้าวสู่วิถีรักษ์โลก
- ผลสำรวจทั่วโลกพบว่า ประชาชน 81% ต้องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น แต่มีเพียงไม่ถึง 6% ที่ลงมือทำจริงในชีวิตประจำวันเพื่อปกป้องโลกของเรา
- การ์นิเย่ ร่วมกับ National Geographic CreativeWorks สร้างสรรค์วีดีโอ ถ่ายทอดความรู้ผ่านนักสำรวจในหัวข้อ ความยั่งยืนของโลกกับอุตสาหกรรมความงาม
- เตรียมเผยแพร่ซีรีส์วีดีโอครั้งแรกของโลกในงาน Expo 2020 Dubai
การ์นิเย่ แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำระดับโลก ด้านความงามที่เป็นธรรมชาติ เผยโครงการภายใต้คำมั่นสัญญา Green Beauty ล่าสุด เปิดตัวซีรีส์วีดีโอสำหรับสื่อสารความรู้เรื่องการบริโภคอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงความรู้ และประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงจากผู้เชี่ยวชาญ โดยการ์นิเย่ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ในการส่งเสริมให้ผู้คนกว่า 250 ล้านคนใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายในปี 2025 และการจัดทำซีรีส์วีดีโอเพื่อการศึกษาร่วมกับ National Geographic CreativeWorks ในครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการทำงานภายใต้เป้าหมายใหม่ดังกล่าว
“เพื่อตระหนักถึงพลังของ Green Beauty อย่างเต็มที่ การ์นิเย่ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเริ่มต้นใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรื่องของความยั่งยืนอาจเป็นหัวข้อที่เข้าถึงยาก ฉะนั้นเป้าหมายของเราคือการทำเรื่องนี้ให้สามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้น ได้แก่ แชมพูแบบก้อนที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการล้างออกอย่างง่ายและรวดเร็ว หลอดผลิตภัณฑ์ที่ใช้กระดาษ และผลิตภัณฑ์แบบรีฟิล เราต้องการให้ผลงานของ National Geographic CreativeWorks ทำให้ผู้บริโภคของเราเข้าถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นในทุกๆ วัน” เอเดรียน คอสคาส ประธานกรรมการแบรนด์การ์นิเย่ระดับโลก กล่าว
เป้าหมายใหม่ของการ์นิเย่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาในการตั้งเป้ามุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของแบรนด์ภายในปี 2025 และการ์นิเย่จะเดินหน้าดำเนินการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน และด้วยข้อมูลที่แสดงว่า 80% ของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ปล่อยผลิตภัณฑ์แชมพูนั้นมาจากการใช้แชมพูในครัวเรือน** การส่งเสริมให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าพวกเขาสามารถมีส่วนช่วยในเรื่องความยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
โดยในขั้นแรกของทำงานภายใต้เป้าหมายใหม่นี้ การ์นิเย่ได้ร่วมมือกับนักสำรวจของ National Geographic โรซา วาสเควส์ (Rosa Vasquez) และ อิมโมเจน แนปเปอร์ (Imogen Napper) เพื่อนำความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและคำแนะนำในโลกแห่งความเป็นจริงมาสู่ผู้บริโภค และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวันที่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง และไขข้อข้องใจว่า – ความงามกับสิ่งแวดล้อมสามารถเป็นเรื่องเดียวกันได้หรือไม่?
“เราภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับการ์นิเย่ และช่วยทำให้คำมั่นสัญญา Green Beauty เป็นจริง การใช้พลังและพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องของนักสำรวจของ National Geographic มาช่วยการ์นิเย่บอกเล่าเรื่องราว ในขณะที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผลกระทบของตนเองที่มีต่อโลก และจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ คือสิ่งที่ทีม National Geographic CreativeWorks ทำได้ดีที่สุด” นาดีน เฮกกี, รองประธานกรรมการด้านพันธมิตรทางธุรกิจ National Geographic กล่าว
เนื้อหาที่ได้รับการจัดทำเป็นแนวการศึกษา โดยครอบคลุมหัวข้อความยั่งยืนที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับความงาม มีการอธิบายหัวข้อต่างๆ เช่น พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ การใช้น้ำ และวิทยาศาสตร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Science) รวมถึงการแชร์คำแนะนำเชิงปฏิบัติทั้งหมด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เข้าถึงความยั่งยืนได้และส่งเสริมให้ผู้คนได้เริ่มต้นใช้ชีวิตแบบยั่งยืนเพื่อโลกนี้มากขึ้นทีละน้อย ในชีวิตประจำวัน (#OneGreenStep) โดยวิดีโอแรกจะเปิดแสดงที่งาน The Expo 2020 Dubai ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ https://www.nationalgeographic.com/garnier-green-beauty และตอนอื่นๆ จะเปิดตัวในลำดับถัดไป
สำหรับในประเทศไทย การ์นิเย่ ให้ความสำคัญด้านการใส่ใจสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลานาน โดยล่าสุดเป็นแบรนด์แรกของลอรีอัล ประเทศไทย ที่ได้ยกระดับการทำงานด้านความยั่งยืนสู่ Green Beauty ภายใต้คอนเซปต์ #สวยใส่ใจโลก สร้างความงามเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ในด้านการมุ่งลดผลกระทบของแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยผลิตสินค้าที่ใช้สูตรจากธรรมชาติ จัดหาและเลือกใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน และการจัดการห่วงโซ่คุณค่าด้วยความใส่ใจโลก เพื่อเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย ที่มาพร้อมความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบแก่ผู้บริโภค โดยที่ผ่านมามีการส่งเสริมให้ผู้บริโภคใส่ใจการรีไซเคิลมากขึ้น ด้วยการจัดทำจุดเก็บขวดพลาสติกมารีไซเคิลโดยร่วมกับร้านวัตสัน ในการติดตั้งตู้การ์นิเย่ รีฟัน สำหรับรับขวด PET เพื่อนำไปส่งรีไซเคิล นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนวัสดุชั้นจุดจำหน่ายสินค้าให้เป็นวัสดุกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถปรับเปลี่ยนแล้วจำนวนราว 500 จุด ในปี 2564
[Advertorial]