นรก 4 วัน..หมอ ไฮโซ ทำร้ายเลขาฯ
ไม่ว่าชนวนเหตุที่ นำมาสู่การทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจะมาจากสาเหตุใด ทว่าความจริงที่ปรากฏชัดในชั้นนี้คือ นพ.พรเดชา สุขารมณ์ แพทย์ผิวหนังชื่อดัง อาจถือว่าได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นอันครบองค์ ความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแล้ว !?!
น.ส.อัญชลิตา เรืองโรจน์ วัย 24 ปี ยังนอนพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียวทั่วร่างกายอยู่ภายในห้องพัก เลขที่ 1838 ชั้น 3 รพ.ยันฮี ส่วนหมอแจ็คที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายยังคงเก็บตัวเงียบ "คม ชัด ลึก" พยายามติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้รับคำตอบกลับว่า หมายเลขที่ใช้อยู่ปิดบริการไปแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์ติดต่อไปยัง รพ.เดชา สถานที่ทำงานของหมอแจ็คได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า ตอนนี้หมอพรเดชาไม่ได้ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลนานแล้ว แต่ยังคงพักอาศัยอยู่ภายในโรงพยาบาล นานๆ ครั้งจึงจะเข้ามาที่ห้องพักสักครั้ง
ทั้งนี้จากการสอบถามได้ความว่า บิดาของหมอพรเดชาได้ให้บุคคลอื่นเช่าช่วง รพ.เดชา เพื่อประกอบธุรกิจโรงพยาบาลนานมาแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหมอแจ็คกับผู้เสียหายที่เป็นข่าวเจ้าหน้าที่ ไม่ขอเอ่ยถึงว่าเรื่องราวข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนหนึ่งมีการพาดพิงว่า หมอแจ็คได้นำตัวผู้เสียหายไปกักขังไว้ที่ห้องพักภายใน รพ.เดชา พร้อมทั้งแนะนำให้ติดต่อไปที่คลินิกหมอแจ็คแทน
"คม ชัด ลึก" ตรวจสอบต่อไปพบว่าคลินิกของหมอแจ็คซึ่งถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในสถานที่กักขัง และทำร้ายร่างกายนั้นเปิดในชื่อบริษัท เอ็นวีอีสเตติก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 494 อาคารเอราวัณแบงก์คอก ชั้น 3 ห้อง 301-303 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เป็นบริษัทประกอบกิจการสถานพยาบาลรักษาโรคทั่วไป เสริมความงาม รักษาและให้คำปรึกษาลดความอ้วน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2550 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มี นพ.พรเดชา สุขารมณ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนผู้ถือหุ้นอีก 4 คนล้วนเป็นคนตระกูลดัง ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่คลินิก พบว่าหลังจากเป็นข่าวออกมาทางสาธารณชนได้ปิดทำการไม่มีกำหนด
พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี บอกกับ "คม ชัด ลึก" ว่าเท่าที่สอบถามจากพนักงานสอบสวนทราบว่า ผู้เสียหายอ้างว่าถูก นพ.พรเดชา ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากเงินประกอบการของคลินิกหายไปประมาณ 3-4 ล้านบาท และพยายามให้ผู้เสียหายรับผิด หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว จากนั้นก็ถูกนำตัวส่ง รพ.เดชา แล้วก็เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกับที่เกิดในคลินิกเสริมความงาม
"เบื้องต้นจะมีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยวแก่ นพ.พรเดชา สุขารมณ์ โดย พ.ต.ท.ยุต ทองอยู่ พงส.(สบ 3) สน.ลุมพินี เป็นผู้รับผิดชอบในคดีที่เกิดขึ้นที่คลินิกเสริมความงาม ส่วนเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังที่เกิดขึ้นใน รพ.เดชา ผู้เสียหายต้องไปแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมที่ สน.พญาไท เจ้าของท้องที่" พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ตามรายงานผลการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นในคดีนี้พอสรุปได้คร่าวๆ ดังนี้คือ เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยวเกิดขึ้นครั้งแรกที่คลินิก เสริมความงามในท้องที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และเกิดขึ้นอีกครั้งที่ รพ.เดชา ต่อมาวันที่ 6 พฤศจิกายน หมอพรเดชาเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.อัญชลิตา เรือง โรจน์ โดยได้พูดคุยหารือกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับพฤติการณ์แห่งคดีว่า ได้ขโมยเงินไปหลายล้านบาทนานมาแล้ว จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์หรือไม่
หลังจากขอคำปรึกษาแล้วหมอพรเดชาขอตัวกลับไปรวบรวมพยานหลักฐาน เรียงลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง เนื่องจากมีเอกสารหลายแผ่น แล้วจะกลับมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง พนักงานสอบสวน บก.ป.จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเบื้องต้น กระทั่งวันที่ 7 พฤศจิกายน น.ส.อัญชลิตา ได้ เข้าขอความช่วยเหลือต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสงกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แล้วขอตัวผู้เสียหายกลับมารักษาตัวที่ รพ.ยันฮี และกลายเป็นข่าวอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนทั้งกองปราบปราม และ สน.ลุมพินี ซึ่งมีข้อมูลที่น่าเชื่อได้ว่าระหว่างผู้เสียหายกับผู้ถูกกล่าวหามีความใกล้ ชิดสนิทสนมกันมากเหมือนคนรู้ใจ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงมีเรื่องราวทำร้ายร่างกายและฟ้องร้องกันอย่างที่ เป็นอยู่
อย่างไรก็ตามในชั้นนี้ตำรวจมีหน้าที่ทำไปตามอำนาจหน้าที่และตามที่พยาน หลักฐานปรากฏ โดยแยกความผิดระหว่างการทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังออกจากเรื่องการ ยักยอกหรือฉ้อโกงตามที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันอยู่ในขณะนี้