ไทยสร้างไทย จี้รัฐบาลลดเวลาเคอร์ฟิว เริ่ม 23.00 น. วอนเห็นใจผู้ประกอบการ
นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าจากการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสอบถามผลกระทบผู้ประกอบการร้านค้าจากสถานการณ์โควิด-19 หลังจากมีมาตรการผ่อนคลายให้เปิดกิจการธุรกิจบางประเภท ขยายเงื่อนไขให้เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. โดยสามารถบริโภคในร้านอาหารได้ไม่เกิน 75 % หากมีเครื่องปรับอากาศต้องไม่เกิน 50 % และสามารถเล่นดนตรีได้นั้น พบว่ามีความน่าเป็นห่วง เพราะลูกค้ายังมีความชะลอตัวในการมาใช้บริการ
"ผู้ประกอบการรายย่อย ได้สะท้อนมายังอาสาไทยสร้างไทยว่า ยอดขายไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่มีการควบคุมจากรัฐบาล เนื่องจากปริมาณลูกค้าไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากความไม่เชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด ประกอบกับยังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ยังไม่ครบ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นเวลานาน จึงทำให้ผู้คนไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งแตกต่างจากชนชั้นกลางจนถึงระดับบน ที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีรายได้ ที่เลือกจะใช้บริการอุปโภคบริโภคในห้างสรรพสินค้า" นายเจตุบัญชา กล่าว
นายเจตุบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเวลาเคอร์ฟิวจากเดิม 21.00 น. เป็น 22.00 น. รวมถึงการผ่อนคลายให้เปิดกิจการบางประเภทเพิ่มเติม อาจจะมองว่าเป็นการผ่อนคลายให้มีการเปิดเมือง แต่ในภาพรวมข้อเท็จจริงแล้ว ยังไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนเดิมได้ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดที่ไม่ตอบโจทย์การเปิดกิจการร้านค้า โดยเฉพาะการขยายเวลาเคอร์ฟิว เพราะกลุ่มธุรกิจกลางคืนได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานาน จึงควรขยายเวลาอย่างน้อย 23.00 น. เพื่อให้กลุ่มร้านอาหารที่เปิดขายช่วงเย็นสามารถทำกำไรได้ เพราะหากกลุ่มร้านอาหารดังกล่าวพิจารณาแล้วไม่เกิดการคุ้มทุน ก็จะไม่มีการเปิดร้าน และเมื่อไม่มีการเปิดร้าน ก็จะไม่มีการจ้างงาน ซึ่งเป็นผลกระทบลูกโซ่ในการหมุนเวียนเงินเข้าสู่ระบบ
"ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องเข้าใจกลไกของระบบเศรษฐกิจให้มากกว่านี้ การขยายระยะเวลาเคอร์ฟิว ควรพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อปลดล็อคกลุ่มธุรกิจกลางคืน และผู้ประกอบการรายย่อย กล้าที่จะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง โดยต้องทำคู่ขนานกับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้น การเปิดเมืองจะไม่มีความหมายเลย" นายเจตุบัญชา กล่าวทิ้งท้าย