เปิดหัวใจ 5 คุณพ่อซุปตาร์ พรั่งพรูความรู้สึก ชีวิตนี้ขอทุ่มเทเพื่อลูก
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ครอบครัวของคนรุ่นใหม่มีเวลาส่วนตัวน้อยลง เวลาส่วนมากถูกใช้หมดไปกับการทำงาน ดังนั้น คำถามที่ว่า เราจะเลี้ยงลูกแบบไหนจึงจะทำให้เขา เก่ง ดี มีความสุข และมีความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นโจทย์ที่แสนยาก และ ท้าทายสำหรับพ่อแม่ยุคนี้มาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคุณพ่อคนดังที่อยู่ในวงการบันเทิงที่เมื่อมีทายาทเกิดมาก็เหมือนอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลฟ์เลยนั้น การอบรมเลี้ยงดูในช่วงต้นของชีวิต จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก เพราะเป็นการวางพื้นฐานทางบุคลิกภาพของเด็กที่จะฝังติดตัวไปจนถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ เด็กที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดู และตอบสนองความต้องการทางกายใจ สังคม ด้วยความรัก ความอบอุ่น อย่างเพียงพอ เหมาะสม จะทำให้เด็กรู้สึกว่า ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างรู้สึกมั่นใจ ภาคภูมิใจและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง ซึ่งทำให้เด็กคนนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม
งานนี้ 5 คุณพ่อคนบันเทิงที่รักลูกยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ได้เปิดใจทำไมถึงทุ่มเทเวลาในการเลี้ยงดูลูกใกล้ชิดด้วยตัวเองมอบทั้งความรักความอบอุ่นที่มีให้ลูกแบบฟูลไทม์
ต๊ะ บอยสเก๊าท์ หรือ ต๊ะ วินรวีร์ "ตอนนี้ น้องปิ๊งปิ๊ง ก็คืออยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้และจำจด ผมก็พยายามที่จะสั่งสอน และ ส่งเสริมให้ลูกมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ตามวัยเด็กที่มีโอกาสได้ลองทำอะไรด้วยตนเอง จะทำให้เขาสามารถพัฒนาการทักษะต่างๆ พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสิ่งสำคัญคือเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นตนเองได้ในที่สุด เพราะผมรอเขามาถึง 15 ปี ที่กว่าจะมี น้องปิ๊งปิ๊ง ในวันนี้ เพราะทาง GFC ได้สานฝันให้ครอบครัวเราเป็นจริง ทำให้ผมได้เรียนรู้เลยว่า การให้ความรักอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงลูกได้ประสบความสำเร็จ แต่เราต้องให้เขารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองด้วย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ผมเลยทุ่มเทเวลาให้เขาแบบเต็มจะเรียกว่าฟูลไทม์เลยก็ได้ครับ"
แมน การิน "คำว่าพ่อสำหรับผม คือคำที่สำคัญมากๆ เพราะผมกับเกล อยากที่จะเรียนรู้และได้เห็นพัฒนาการของน้องกราฟ ในทุกวันและทุกเวลาเลยครับ ยิ่งตอนนี้เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน โตขึ้นทุกวัน มีพัฒนาการขึ้นทุกวันทำให้เราได้ตื่นเต้นกันตลอดเวลา ตอนนี้สิ่งที่เราทั้งคู่ทำคือคำพูด การพูดจาดีดีจากตัวเราและคนที่จะมาใกล้ชิดกับเขา เพราะพอเขาได้ยินแต่คำพูดดีๆ ก็มีแต่เพิ่มพลัง คำพูดไม่ดีทำให้เกิดความท้อถอย หมดกำลังใจ และสูญเสียพลังของการพัฒนา จุดอ่อนของเด็กคือความสนุก เมื่อใดที่พวกเขาสนุก เขาจะให้ความร่วมมือ ตั้งใจกับสิ่งนั้น เป็นพิเศษ ที่พ่อแม่อย่างเราสามารถเลือกที่จะสอนให้เขาได้เรียนรู้ข้อมูลสำคัญ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกว่ากำลังจริงจังอยู่โดยที่เขาไม่รู้ตัว และเราก็ได้สอนและเตือนตัวเองไปด้วยครับ"
เจมส์ เรืองศักดิ์ "สำหรับผมแล้วหน้าที่ของพ่อ คือเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ในชีวิตเลยครับ เมื่อรู้ว่าเรากำลังจะมี น้องเมดา ที่ผมกับภรรยาตั้งใจมากๆ ที่อยากมีลูกและก็ประสบผลสำเร็จตั้งแต่แรกที่ไปปรึกษากับทาง Genesis Fertility Center ทำให้เราสมหวังมีลูกได้ ซึ่งก่อนที่เขาเกิดมาผมก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยคือ ผมและภรรยาจะเลี้ยงดูเขาเอง มีเวลาที่มีคุณภาพกับลูก ให้เวลาเขาให้มากที่สุด สมัยก่อนเราคงจะคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า 'เป็นลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่' ปัจจุบันด้วยความจำเป็นของสภาพสังคม เราควรใช้เวลาที่มีจำกัดให้เป็นเวลาที่มีคุณค่า ดังนั้นพ่อแม่ยุคใหม่ควรเรียนรู้ที่จะเป็น 'พ่อแม่ที่รับฟังลูก' รับฟังลูกโดยเข้าใจ ไม่ตัดสิน มีเวลาถ่ายทอดเรื่องราวกับลูกและให้โอกาสลูก สำหรับเรียนรู้ ฝึกฝนสิ่งต่างๆ แบบไม่เร่งรัด กดดันลูก เพราะฉะนั้น เวลาจึงสำคัญที่สุดผมจึงมอบให้ น้องเมดา มากที่สุดครับ"
ฟลุค จิระ "ในฐานะที่ตัวเองเป็นคุณพ่อในวันนี้ตอนนี้ ของลูกสาวทั้งสองคนจุดมุ่งหมายของผมอยากให้เขาเติบโตเป็นคนที่ดี เป็นลูกที่น่ารักสำหรับเรา ให้รู้จักชีวิตที่มีกฎกติกา พ่อแม่ควรสอนให้ลูกได้รู้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดไม่ควรทำ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ขอบเขตของการใช้ชีวิตทั้งในบ้านและในสังคม เช่น มีกฎระเบียบของบ้าน การกินอยู่หลับนอนเป็นเวลา มีกฎกติกาของการเล่นเกม การดูโทรทัศน์"
โย่ง อาร์มแชร์ "สำหรับตัวผมตอนนี้ ตั้งใจเรียนรู้ทุกอย่างเท่าที่จะเรียนรู้ได้ไว้ให้เต็มที่เพื่อที่จะรอที่จะสอนลูกสาว ที่อีกไม่นานนี้เองเราก็จะได้เจอหน้าเขาแล้ว และก็พยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อมมากที่สุดเพื่อรอเขา ในฐานะว่าที่คุณพ่อ ที่รอมานานกว่า 9 ปี ที่กว่าจะสมหวังก็ต้องขอบคุณอีกครั้งที่ทาง Genesis Fertility Center ได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ตอนนี้รอครับ รอที่เขาจะออกมาดูโลกกว้างและรอก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาในทุกๆ เรื่องที่เขาต้องการ หรืออยากทำเลยครับ และรอที่จะทำหน้าที่ของพ่อที่ดีที่สุดที่คนคนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้เลยครับ”
เรียกได้ว่าพลังความรักลูกของทั้ง 5 หนุ่มนั้นมหาศาลจริงๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกครอบครัวสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยมือ และพลังความรักความเข้าใจของพ่อแม่ การเลี้ยงลูกโดยยึดทางสายกลาง คือ ไม่รัก และปกป้องมากเกินไป ไม่วิตกกังวลจนเกินเหตุ ไม่ตามใจมากจนไร้ขอบเขต หรือ เข้มงวด เจ้าระเบียบจนเกินไป บรรยากาศแบบนี้ในครอบครัว จะส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางกายใจ ที่ดี รู้จักรัก และเห็นใจผู้อื่น มีสุขภาพจิตที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นการเตรียมพร้อมให้ลูกมีทักษะชีวิตที่ดี สำหรับปรับตัวในอนาคตข้างหน้าได้
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ