ผลสอบ GAT,PAT เดือนตุลาคม ตกตํ่าทุกวิชา
สทศ.ประกาศผลสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และการสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT ครั้งที่ 3 คะแนนผลการสอบมาเปรียบเทียบกับการสอบ 2 ครั้งที่ผ่าน ในเบื้องต้นพบว่า เด็กทำคะแนนได้ต่ำลงทุกวิชา
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สทศ.ประกาศผลสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และการสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT ครั้งที่ 3 เดือนตุลาคม รอบปกติ และรอบพิเศษ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น เมื่อนำคะแนนผลการสอบมาเปรียบเทียบกับการสอบ 2 ครั้งที่ผ่าน ในเบื้องต้นพบว่า เด็กทำคะแนนได้ต่ำลงทุกวิชา โดยเฉพาะ PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ คะแนนสูงสุด 270 คะแนน และ PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ คะแนนสูงสุด 237 คะแนน จากเดิมเด็กทำได้เต็ม 300 คะแนน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะข้อสอบอัตนัยบางส่วนเน้นการคิด วิเคราะห์ คำนวณมากขึ้น และที่สำคัญเปลี่ยนรูปแบบคำตอบ จากข้อสอบ 1 ชุด จะมีคำตอบ 40 ข้อ เป็น 41 ข้อ ทำให้เด็กสับสน เนื่องจากทราบมาว่าโรงเรียนกวดวิชาบอกเด็กว่ามีคำตอบ 40 ข้อ ดังนั้นเมื่อเด็กตอบไป 41 ข้อ ก็ลบคำตอบออก จึงทำให้ได้คะแนนไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งการทำเช่นนี้เพื่อดัดหลังโรงเรียนกวดวิชา และอยากจะบอกเด็กว่าไม่ควรจะหลงเชื่อโรงเรียนกวดวิชามาก และขอยืนยันว่าข้อสอบ GAT และ PAT ทุกครั้งมีมาตรฐาน ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการขอดูกระดาษคำตอบ GAT และ PAT ให้ยื่นคำร้องได้ด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 14-20 พ.ย. 2552 เวลา 08.30-16.30 น. ที่ สทศ.โดยเสียค่าธรรมเนียมวิชาละ 20 บาท ซึ่ง สทศ.จะดูกระดาษคำตอบภายในเดือน ธ.ค.นี้
ศ.ดร.อุทุมพร กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ขอให้ สทศ.ลดค่าสมัครสอบ GAT และ PAT ลงนั้น สทศ.ไม่ขัดข้อง แต่ก็ต้องลดเวลาสอบ หรือ ยกเลิกการรายงานผลสอบทางไปรษณีย์ นอกจากนี้อาจจะต้องลดค่าสมัครบางวิชาที่คนสอบมาก และไปเพิ่มค่าสมัครในวิชาที่คนสอบน้อย เช่น ภาษา จากเดิม 200 บาทต่อวิชา เป็น 2,000 บาทต่อวิชา เป็นต้น ทั้งนี้ตนอยากตั้งข้อสังเกตว่าหากเด็กไปสอบรับตรงเองจะเสียค่าใช้จ่าย มากกว่ามาสอบกับ สทศ. โดยการสอบคนหนึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1,200 บาท ขณะที่ค่าสมัครสอบ สทศ. วิชาละ 200 บาทเท่านั้น ดังนั้น ทปอ. จะตัดสินใจอะไรขอให้ศึกษาข้อมูลก่อน.