พ่อเลี้ยงสาบานไม่ได้เตะ "น้องมาร์ค" ม้ามแตก เคยตีครั้งเดียว 3 ปีก่อน โต้ผลาญเงินบริจาค

พ่อเลี้ยงสาบานไม่ได้เตะ "น้องมาร์ค" ม้ามแตก เคยตีครั้งเดียว 3 ปีก่อน โต้ผลาญเงินบริจาค

พ่อเลี้ยงสาบานไม่ได้เตะ "น้องมาร์ค" ม้ามแตก เคยตีครั้งเดียว 3 ปีก่อน โต้ผลาญเงินบริจาค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อเลี้ยงสาบานไม่ได้เตะ "น้องมาร์ค" ม้ามแตก เคยตีครั้งเดียว 3 ปีก่อนแต่ไม่ได้รุนแรง และไม่ได้นำเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว 

(13 ต.ค.64)  ความคืบหน้ากรณีที่ผู้เป็นแม่เข้าแจ้งความที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า น้องมาร์ค นักเรียนชั้น ป.5  ลูกชายซึ่งเป็นเด็กยอดกตัญญู ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายด้วยการเตะจนม้ามแตกต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.นางรอง เป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์นั้น  อีกทั้งพ่อเลี้ยงยังมีพฤติกรรมนำเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือในการสร้างบ้าน และเป็นทุนการศึกษาให้กับน้องมาร์คเกือบ 80,000 บาท ไปใช้จ่ายส่วนตัว ปัจจุบันเหลือเงินเพียงประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น

ล่าสุด น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง พร้อมด้วยนายจักรกฤษ์ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของน้องมาร์ค ตามที่มีการร้องเรียนและผู้เป็นแม่แจ้งความร้องทุกข์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  ซึ่งก็ได้พบกับ นายชัช (นามสมมติ) พ่อเลี้ยงของน้องมาร์ค ที่ถูกร้องเรียน อยู่กับญาติและลูกคนเล็กวัยขวบเศษ เนื่องจากภรรยาและน้องมาร์ค  ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ได้รับไปดูแลคุ้มครองก่อนหน้านี้แล้ว 

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นนายชัช  พ่อเลี้ยงที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายน้องมาร์ค จนต้องเข้า รพ. ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายน้องตามที่ถูกกล่าวหา และไม่รู้ว่าน้องเจ็บน้องเข้า รพ.เพราะสาเหตุอะไร ซึ่งเบื้องต้นตนก็ได้ไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนก็จะได้เรียกสอบตามขั้นตอนอีกครั้ง  เนื่องจากผู้เป็นภรรยาซึ่งเป็นแม่ของน้องมาร์ค ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าพ่อเลี้ยงทำร้ายน้องจริง ซึ่งเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พูดคุยเจรจากับนายชัช เพื่อขอรับตัวลูกคนเล็ก ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ไปอยู่ในความคุ้มครองดูแลของบ้านพักเด็กด้วย เนื่องจากภรรยา แจ้งว่านายชัช ใช้ลูกคนเล็กเป็นข้อต่อรองเพื่อไม่ยอมหย่าหรือแยกทางตามความประสงค์ของภรรยา และให้ข้อมูลว่าถูกนายชัย ทำร้ายร่างกายเช่นกัน ซึ่งนายชัชก็ยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำลูกคนเล็กไปดูแล โดยไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนายชัช พ่อเลี้ยง ก็ยืนยันว่าตนเองไม่เคยเตะน้องมาร์คเลย ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรน้องถึงปวดท้องและอาเจียน จนต้องเข้า รพ.  และยอมรับว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ที่น้องมาอยู่ด้วยแรกๆ เคยใช้มือตีน้องไปแค่ครั้งเดียวแต่ไม่ได้รุนแรง หลังจากนั้นก็ไม่เคยตีน้องอีกเลยก็แค่ดุเวลาน้องพูดไม่เชื่อฟังเท่านั้น สาบานได้ว่าไม่เคยเตะหรือทำร้ายน้องรุนแรงเลย คนในบ้านเป็นพยานได้  

ส่วนเรื่องเงินบริจาคแม่ของน้องเป็นคนถือบัตร ATM เอง เวลาไปกดก็ไปด้วยกันไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัว  ส่วนที่บอกว่าเอาไปซื้อ จยย.นั้น  เป็นรถของแฟนคันหนึ่ง 2 หมื่นกว่าบาท ของตัวเองคันหนึ่ง แต่ของตัวเองก็ใช้เงินตัวเองซื้อไม่ได้ใช้เงินบริจาคซื้อ แต่พอผู้สื่อข่าวถามว่าเงินเหลือเท่าไหร่ ก็บอกว่าเหลือหมื่นกว่าบาท เพราะซื้ออุปกรณ์มาไว้ทำบ้านแล้ว

ขณะที่หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์  ให้ข้อมูลว่า หลังจากทาง รพ.รับเรื่องก็ได้ประสานมายังบ้านพักเด็กและครอบครัว ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถามแม่ก็ให้ข้อมูลว่า น้องได้ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายจริง   จากนั้นทางบ้านพักเด็กฯ ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัวแม่และเด็กเข้ามาอยู่ในความคุ้มครอง  เพื่อดูแลเยียวยาสภาพจิตใจด้วย ส่วนปัญหาที่สามีไม่อยากหย่าหรือเลิกกับภรรยา แล้วได้นำลูกคนเล็กวัยขวบเศษไปเป็นข้อต่อรองนั้น   ทางบ้านพักเด็กฯ ก็ได้ร่วมกับทางอำเภอนางรอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปพูดคุยกับผู้เป็นสามีแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับทั้งตัวแม่ และลูกทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองที่บ้านพักเด็กและครอบครัวแล้ว   

ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางบ้านพักเด็กไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย ก็จะดูแลคุ้มครองสิทธิเด็กที่เกิดจากการถูกทำร้ายและปัญหาในครอบครัวเท่านั้น ในอนาคตก็อาจจะต้องส่งแม่และเด็กไปอยู่กับญาติ ตามความประสงค์ของผู้เป็นแม่ต่อไป   

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook