ญาติเหยื่อไม่ยอมความ หนุ่มกู้ภัยโหดเตะปากหนุ่มเมา ตร.เผย เพิ่งมารู้เรื่องจากโซเชียล
จากกรณีคลิปจากกล้องวงจรปิด ภาพโหดชายเมาสุราถูกกู้ภัยทำร้ายด้วยการเตะยอดหน้าจนร่วงไปกองกับพื้น ได้รับบาดเจ็บ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์
ล่าสุด เจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพนี้ไว้ได้ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า คืนเกิดเหตุครอบครัวของตนนอนหลับอยู่ในบ้าน เวลาประมาณเกือบตีหนึ่ง ได้ยินเสียงสุนัขเห่าและเห็นคนเมามาเดินโซเซอยู่หน้าบ้าน เหมือนจะล้มตัวนอนกลางถนน จึงได้โทรแจ้งตำรวจ สภ.เชียงดาว เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นกู้ภัยมาแทน
โดยช่วงที่เกิดเหตุชุลมุนมีเสียงดัง แต่คนในบ้านก็ไม่ได้ออกมา แต่เมื่อชายดังกล่าวถูกพาตัวออกไป ได้ออกมาดูที่ประตูรั้วบ้านถึงกับตกใจเพราะเห็นกองเลือดเต็มพื้นถนน จึงเปิดดูกล้องวงจรปิดจนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (15 ต.ค. 64) นายอภินันท์ จองคำ อายุ 20 ปี ชาวตำบลเมืองนะ หนุ่มเมาสุราที่ถูกทำร้ายได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เชียงดาว ให้กับตำรวจดำเนินคดีกับ นายอภิชาต เรือนแก้ว อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเชียงดาวที่เป็นคนทำร้ายร่างกาย
พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏในคลิป ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนเมาส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน จึงได้แจ้งกู้ภัยร่วมตรวจสอบและทางตำรวจได้ตามไปหลังจากเกิดเหตุในคลิปประมาณ 15 นาที เนื่องจากติดเหตุอีกเขตหนึ่ง เมื่อตำรวจไปถึงเห็นว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวมีเลือดออก จึงให้กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลเชียงดาวซึ่งตำรวจก็ตามไปด้วยกัน โดยในตอนนั้นตำรวจยังไม่รู้ว่าชายดังกล่าวถูกทำร้ายเพราะให้การไม่ได้ เมื่อถึงโรงพยาบาลชายดังกล่าวก็ไม่ยอมให้แพทย์รักษา แถมยังหนีออกไปจากโรงพยาบาล ตำรวจจึงพาตัวไปส่งที่บ้าน จนกระทั่งมาทราบว่าถูกทำร้ายจากคลิปที่ถูกเผยแพร่
หลังจากที่นายอภินันท์เข้าแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย ได้เชิญทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเจรจา โดยนายอภินันท์ไม่ติดใจอะไร แต่ทางญาติของนายอภินันท์ไม่ยอม ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเชียงดาวคนดังกล่าวได้ขอโทษและจะรับผิดชอบทุกอย่าง โดยช่วงเย็นวันนี้นายอภินันท์มีอาการบาดเจ็บที่ใบหน้าทางโรงพยาบาลเชียงดาวได้ส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสันทราย
ส่วนการดำเนินคดี พ.ต.อ.วินิจฉัย กล่าวว่า ต้องมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน แต่ต้องผลการชันสูตรบาดแผลว่าบาดเจ็บถึงขั้นสาหัสหรือไม่ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินคดีในข้อหาที่ต่างกัน