ช่างตัดผ้าม่านสาว เดินสะดุดหัวทิ่มตกท่อโครงการสร้างหมู่บ้านหรู เหล็กแทงท้ายทอยดับคาที่

ช่างตัดผ้าม่านสาว เดินหอบข้าวของมาวัดผ้าม่านในโครงการก่อสร้างหมู่บ้านหรู สะดุดหัวทิ่มตกท่อ เหล็กแทงท้ายทอยดับคาที่

(16 ต.ค.64) เมื่อเวลา 13.00 น. ร.ต.อ.สหรัฐ เทียมไชย รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ ไดรับแจ้งมีหญิงสาวเดินตกท่อระบายน้ำเสียชีวิต ภายในโครงการก่อสร้างหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ริมถนนบางนา-ตราดขาเข้าหลักกิโลเมตรที่ 15 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางเข้าตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุเป็นโครงการก่อสร้างห่างจากถนนบางนาคราดประมาณ 100 เมตรที่บริเวณริมถนนทางเข้าโครงการก่อสร้างหมู่บ้านดังกล่าวได้พบศพ น.ส.สุวรรณรัตนา อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นช่างตัดเย็บผ้าม่านนอนหงายเสียชีวิตอยู่กับพื้นข้างท่อระบายน้ำของโครงการหมู่บ้านดังกล่าว ในสภาพเนื้อตัวเปียกไปด้วยน้ำ ที่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะมีบาดแผลเป็นรูปคล้ายถูกของแข็งแทง ข้างตัวผู้ตายเป็นท่อระบายน้ำขนาดกว้างเมตรคูณเมตรลึกประมาณ 2 เมตรซึ่งมีน้ำอยู่เต็มท่อระบายน้ำดังกล่าว  ภายในท่อได้พบร่องเท้าของผู้ตายตกอยู่ 1 ข้าง พร้อมด้วยแฟ้มเอกสารการวัดผ้าม่านตกอยู่ในท่อ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และมอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาฯ สมุทรปราการ  

จากการสอบถามนาย เอ (นามสมมุติ) เพื่อนร่วมงาน ได้เล่าว่า ก่อนเกดเหตุตนและผู้ตายได้เดินทางมาทำการวัดผ้าม่านภายในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งกำลังก่อสร้างซึ่งทางร้านได้รับงานไว้ ขณะที่ตนกำลังขนอุปกรณ์ลงจากรถเข้าไปบ้าน ส่วนผู้ตายขนของเดินตามหลังมา แต่กลับไม่เห็นผู้ตายเดินตามเข้ามาในบ้าน สักพักตนก็ได้ยินเสียงคนงานก่อสร้างร้องขอความช่วยเหลือว่าคนตกท่อระบายน้ำ ตนจึงรีบออกมาดูได้เห็นผู้ตายหัวทิ่มจมน้ำอยู่ในท่อระบายน้ำ โดยมีคนงานก่อสร้างได้เข้ามาช่วยกันดึงร่างที่หมดสติของผู้ตายขึ้นมาจากน้ำในท่อขึ้นมาทำการช่วยกันปั้มหัวใจแต่ไม่ฟื้นจึงโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างที่ผู้ตายเดินหอบข้าวของมาโดยไม่ทันมองว่าด้านหน้าทีท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ปิดฝาขวางอยู่ ระหว่างที่เดินมาจึงเกิดการสะดุดจนทำให้ผู้ตายเสียหลักหัวทิ่มลงไปใสท่อระบายน้ำดังกล่าว และศีรษะลงไปทิ่มเข้ากับแพ่งเหล็กที่อยู่ในท่อระบายน้ำดังกล่าวจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม จะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป