รวบ เฒ่าวัย67ปี รับปลอมเอกสารตั้งแต่อายุ20ปี

รวบเฒ่าวัย 67 ปี อดีตลูกจ้างกองทะเบียน เปิดบ้านย่านลาดพร้าว ปลอมเอกสารราชการ รับทำตั้งแต่อายุ 20 ปี เผยอยู่แผนกถ่ายเอกสาร เรียนรู้งานจากต้นฉบับของจริง ปลอมทุกอย่างตั้งแต่ตรายาง-บัตรประชาชน สุดท้ายย่ามใจถึงขั้นปลอมเอกสารอ้างตัวเป็นวิศวกร เซ็นผ่านติดแก๊สรถยนต์ ตร.ค้นบ้านพบของกลางเพียบ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน พล.ต.ต.คำรบ ปัญญาแก้ว รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เพชรัตน์ ไชยแสง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.อดุลย์ รัตนภิรมย์ รอง ผบก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสุรพล เอี่ยมวิจารณ์ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/138 หมู่ 9 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 471/2545 ลงวันที่ 9 ธ.ค.52 ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ปบอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

พร้อมของกลาง ใบรับรองการตรวจสอบและทดสอบการติดตั้งส่วนควบคุมและอุปกรณ์สำหรับรถใช้ก๊าซปลอม จำนวน 236 แผ่น หนังสือรับรองการการติดตั้งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่ใช้ก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลวเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 366 แผ่น สำเนาเอกสารทางราชการที่ถูกแก้ไขและนำไปใช้ประกอบเอกสารทางราชการ จำนวน 990 แผ่น ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ จำนวน 8 เล่ม ตรายางที่ใช้ในการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ จำนวน 13 อัน และเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปลอมแปลงเอกสาร จำนวน 7 รายการ โดยสามารถจับกุมตัวได้เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วานนี้ (11 พ.ย.) ภายในบ้านพักของผู้ต้องหาเอง

พล.ต.ต.คำรบ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า บ้านหลังดังกล่าวมีพฤติกรรมในการปลอมแปลงเอกสารราชการ เช่น ปลอมแปลงบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเอกสารทางราชการต่างๆ และมีเอกสารที่ถูกปลอมแปลงแล้วพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมแปลง เช่น ตรายาง ฯลฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมี น.ส.รัชตา เอี่ยมวิจารณ์ เป็นเจ้าของ และมี ผู้ต้องหา เป็นบิดา นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหายังมีหมายจับคดีปลอมแปลงเอกสารติดตัวด้วย

พล.ต.ต.คำรบ กล่าวต่อไปว่า จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วานนี้ (11 พ.ย.) เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายค้นศาลอาญา เลขที่ 551/2552งวันที่ 10 พ.ย.52 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบผู้ต้องหาจึงได้ทำการตรวจค้นภายในบ้านก็พบของกลางดังกล่าวอยู่ภายในห้องนอนของผู้ต้องหา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำกานสอบปากคำที่ กก.สส.ภ.1

จากการสอบสวน นายสุรพล ได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นลูกจ้างอยู่ที่ กองบังคับการกองทะเบียน ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น บก.ปคบ.แล้ว โดยตนทำงานมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ซึ่งตนเริ่มงานในหน้าที่ถ่ายเอกสาร และขยับหน้าที่มาเรื่อยๆ จากนั้นตนก็เริ่มเรียนรู้การทำเอกสารปลอมจากหน่วยงานที่ตนทำงานอยู่ เพราะเห็นรูปแบบเอกสารตัวจริง และรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะปลอมแปลงเอกสารได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำไปใช้กับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรมการขนส่งทางบก เช่นโอนทะเบียนรถ ใบสมรส ใบหย่า บัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง หลังจากนั้นตนก็รับจ้างทำเรื่อยมา

"ซึ่งวิธีการคือ จะใช้เอกสารตัวจริงมาแก้ไข ตัดชื่อและรายละเอียดลูกค้าแปะใส่ ก่อนถ่ายเอกสารแล้วให้ลูกค้าไว้ใช้เซ็นสำเนา ส่วนบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ที่หมดอายุก็จะตัดตัวเลขใส่เพื่อเลื่อนวันหมดอายุออกไป และมาระยะหลังรถยนต์เริ่มมีการติดตั้งแก๊ส ผมได้แอบอ้างชื่อของ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว ซึ่งมีตำแหน่งเป็นวิศวกร สาขาเครื่องกล ซึ่งผมไปเจอแล้วถ่ายเอกสารเก็บไว้ ก่อนทำการปลอมเอกสารให้กับร้านรับติดตั้งแก๊สรถยนต์ ว่าร้านดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบจากวิศวกรแล้ว เพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้าที่มาติดตั้งแแก๊สรถยนต์ จนกระทั่งผมอายุครบ 60 ปี จึงยุติอาชีพดังกล่าว จากนั้นก็ได้มาอยู่บ้านแต่ก็ยังรับจ้างปลอมเอกสารอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว" นายสุรพล กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป