ได๋ ลั่น ห้ามถามเรื่อง นาวิน ต้า
ได๋-ไดอาน่า ประกาศกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน งดถาม-ตอบ ทุกเรื่องของนาวิน ต้าร์
พิธีกรหน้าหมวย "ได๋ - ไดอาน่า จงจินตนาการ" และหนุ่มที่เคยตกเป็นข่าวอดีตคนรู้ใจ "ต้าร์ - นาวิน เยาวพลกุล" ได้ มีโอกาสโคจรมาทำงานในงาน CPN Year End Sale 2010 งานเดียวกัน และสาวหมวยรู้ดีว่าวันนี้สื่ออยากจะถามเกี่ยวกับประเด็นอะไร จึงแขวะสื่อแบบชุดใหญ่ โดยที่สื่อไม่ต้องถาม
"จริง ๆ วันนี้ไม่ได้มาร่วมงานกับต้าร์ มาในฐานะ เป็นพิธีกร ปกติดาราอาจจะมีรับงานเป็นแพ็คคู่ แต่ว่าวันนี้หนูมาทำงาน แล้วเขาก็มาเดินแบบ ก็ทราบว่าเขามางานนี้ด้วย ก็มีคุยกันปกติ เอาอย่างนี้แล้วกัน ก่อนที่พี่ๆจะถามคำถามอะไร หนูรู้อยู่แล้วว่าทุกคนคงจะมีคำถามหลายอย่างในใจ หนูขออนุญาตพูดก่อนที่ทุกคนจะถามนะ เพราะตั้งแต่มีข่าวอะไรต่าง ๆ นานา ที่มันออก คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อน ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็จะมีคำถามตลอดเวลากอยากจะฝากพี่ๆนักข่าว ไปบอกกับทุกคนด้วยว่ามีอะไรให้ถามเอง อย่าไปถามคนรอบข้าง เพราะว่าหนูเกรงใจ ในเมื่อทุกคนก็เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเลยว่ามันเป็นยังไง อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงที่มาที่ไป จะได้ไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา หนูกับตาร์ 10 ปี ที่เราเป็นเพื่อนกัน เรารู้จักกันผ่านพี่ต้นซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนแนะนำให้รู้จัก ถามว่าเราสนิทกันได้ยังไง เพราะเรามีวิสัยทัศน์เหมือนกัน
คือว่าคนเราถ้าไม่รักดีชีวิตก็จะไม่ดี ตอนนั้นอยู่ในวัยเรียนเราก็ให้กำลังใจในเรื่องของการเรียน สนิทกันเพราะว่าเขามาช่วยหนูสอนเศรษฐศาสตร์ หนูก็สอนเขาภาษาอังกฤษ เพราะเขากำลังเตรียมตัวจะไปเรียนต่อ หลังจากนั้นพอไปอยู่ที่โน่นก็ให้กำลังใจในส่วนของการเป็นนักศึกษาอยู่ที่ เมืองนอก เราต่างคนอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกัน ก็คอยดูแลกันและกัน แล้วอาจจะมีบางช่วงว่าเอ๊..มันคืออะไร แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วมันก็คือเพื่อนกัน แล้วความรู้สึกนั้นมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไปและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 5 ปี 10 ปี 20 ปี หรือว่าจะเป็นชาติหน้าก็แล้วแต่ ความรู้สึกนี้จะไม่เปลี่ยน เราก็จะเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไป ในส่วนการให้กำลังใจในแง่ของการเรียนหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ก็พร้อมจะให้กำลังใจ และไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตหนูพร้อม แต่ว่าเรื่องส่วนตัวของเขาก็ขอให้เป็นเรื่องของเขา อย่าถามเลย เพราะว่าหนูคงไม่สามารถที่จะให้คำตอบใครได้ มันไม่ใช่เรื่องของหนู
พูดวันนี้มันไม่ได้อัดอั้นอะไร เข้าใจมั้ยว่าสมัยนี้คนจะเสพข่าวแล้วไม่เชื่อความจริงว่ามันคืออะไรไม่อยาก จะรู้ ไม่แคร์ เสพข่าวอย่างเดียว ก็เข้าใจพี่ๆนักข่าวทุกคนว่าเวลาจะให้ข่าวมันก็ต้องมีการพาดหัวข่าว ได๋ โต้ กัดฟันยิ้ม ตาร์หักหน้าได๋หรืออะไรก็แล้วแต่ บางคนเขาไม่ได้อ่านว่าเนื้อข่าวข้างในมันคืออะไร เขาคิดว่าอันนั้นมันคือข่าวและมันความจริง ฉะนั้นสำหรับพวกพี่มันอาจจะเป็นแค่การเสนอข่าว บางคนอาจจะเป็นแค่การอ่านข่าว เป็นการสวดทุกข์ แต่สำหรับหนูมันคือชีวิตของหนูที่ต้องอยู่ด้วยทุกวัน เจอคน 250 คนถาม ก็มีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแฟร์ เลยอยากให้มันเคลียร์ๆไปเลยว่าโอเคเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว 10 ปีแล้ว พี่จะพยายามให้ทะเลาะกับเขา ตีกับเขา มันไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงมันเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าในชีวิตเขาจะมีใคร ในชีวิตเราจะมีใคร ก็พร้อมที่จะให้กำลังใจกัน"
ข่าวที่ผ่านมากระทบจิตใจมากรึเปล่า?...
"เออ...แรกๆจะบอกว่ารู้สึกว่ามันไม่กระทบจิตใจอะไร เพราะรู้สึกว่าเจอมาเยอะแล้ว แต่ว่าเพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่าสังคมทุกวันนี้เสพข่าวจริงๆ บางคนไม่ถามอะไรหนูแต่ว่าแซวอย่างโน่น อย่างนี้ บางทีเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาแซวเราเก็บไปคิด งานก็เยอะ แล้ววันๆต้องมานั่งตอบคำถามเรื่องพวกนี้อีก หนูเหนื่อยก็เลยขอพูดเคลียร์ๆตรงนี้เลยว่า ไม่ต้องถามแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้ตอบเลยว่าพร้อมให้กำลังใจเขาทุกสถานการณ์โดยเฉพาะเรื่องเรียน ตอนนี้เขากำลังจะได้เป็นว่าที่ ดร. ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาต้องทำงานหนัก ต้องการกำลังใจ ถ้าใครจะมาเป็นกำลังใจหรือว่าให้ความสุขกับเขา เราก็ยินดีด้วยเท่านั้นเอง
หลายข่าวที่ออกมาก็ยอมรับว่าปวดหัวเหมือนกัน คนรอบข้างก็ปวดหัว หนูพูดความจริงทุกคนก็ไม่เชื่อว่าความจริงมันคืออะไร จนมีความรู้สึกว่าครั้งนี้ขอพูดเลยแล้วกัน ให้มันจบเลย แล้วไม่ต้องเรียกหนูไปออกรายการอะไร สัมภาษณ์หนังสือหรือพยายามที่จะมีงานอีเว้นท์จับให้มาชนกันอีกแล้ว อันนี้จริงๆ บอกหมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้พูดแล้ว"