ศรีสุวรรณ มาอีกแล้ว! ร้องมหาเถรสมาคม-สำนักพุทธฯ เอาผิด “ยันตระ” อ้างตนยังเป็นพระ
"ศรีสุวรรณ" ทำหนังสือถึงมหาเถรสมาคมผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับ "อดีตพระยันตระ" เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่ยังคงอ้างตนเองว่าเป็นพระอยู่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ต.ค.) สมาคมฯ ได้ทำหนังสือด่วนร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดอดีตพระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ประกอบ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 29
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ ระบุว่า อดีตพระยันตระทำพิธีครบรอบอายุ 70 ปี มีเหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่เลื่อมใสเข้าร่วมงานกันคับคั่ง ก่อนกลับได้ก้มกราบขอพรและถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกอันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
โดยหลักฐานสำคัญในกรณีดังกล่าว คือ อดีตพระยันตระ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ถึงภาพที่ปรากฏออกมา โดยยืนยันว่าตนเองยังเป็นพระและนักบวชอยู่ มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ยังใช้นมัสการเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันด้วยตนเองต่อสาธารณะว่าตนยังเป็นพระอยู่ ทั้งๆ ที่อดีตพระยันตระได้พ้นจากความเป็นพระไปนานแล้ว และห้ามบวชเข้ามาเป็นพระอีกเพราะต้องสิกขาบทปราชิก เนื่องจากเสพเมถุน อีกทั้งได้หลบหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศจนหมดอายุความ เป็นที่ครหาของชาวพุทธทั่วไป
ดังนั้น การที่อดีตพระยันตระยังยืนยันต่อสาธารณะว่ายังเป็นพระอยู่และแต่งกายห่มจีวรสีเขียว อันมีลักษณะคล้ายพระในพุทธศาสนา เพียงแต่มิได้ปลงผมโกนเคราเท่านั้น พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 โดยชัดเจนที่ว่า “ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายเพื่อจัดการพวกอลัชชีทั้งหลายที่ชอบเสพเมถุน มิให้สร้างความแปดเปื้อนในบวรพุทธศาสนาได้ เฉกเช่นในอดีตที่เราเคยใช้กฎหมายตราสามดวงในพระไอยการลักษณะผัวเมีย บทที่ 40 และ 41 นั่นเอง
เพื่อมิให้สังคมพุทธศาสนาของไทยถูกกระทำโดยบุคคลนอกรีตอีกต่อไป สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่แอบอ้างตนเป็นพระเสียโดยเร็ว ก่อนที่จะกลับสหรัฐอเมริกาในวันที่ 27 ต.ค.นี้ และขอให้กำหนดมาตรการหรือออกมติมหาเถรสมาคมเพื่อจัดการพระภิกษุทั้งหลายที่ลดตัวเองไปกราบไหว้พวกอลัชชีดังกล่าวด้วย