ฝากขัง "ไอ้หมี" เมายาจี้ตัวประกันย่านเจริญกรุง ประวัติติดคุกโชกโชน 16 ครั้ง
ฝากขัง "ไอ้หมี" เมายาจี้ตัวประกันย่านเจริญกรุง ประวัติติดคุกโชกโชน 16 ครั้ง พี่สาวเชื่อน้องไม่คิดทำร้ายตัวประกัน แค่อยากเอาตัวรอดออกจากที่เกิดเหตุ
(23 ต.ค.64) ตำรวจ สน.ยานนาวา คุมตัว นายกำพล หรือ หมี อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดจับเจ้าของโรงแรมและหลานสาวเป็นตัวประกัน บริเวณซอยเจริญกรุง 44 ก่อนที่ตำรวจจะเข้าระงับเหตุและช่วยเหลือตัวประกันไว้ได้อย่างปลอดภัยเมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อนำตัวไปส่งยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน ได้ดำเนินการการฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ต่อศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 6 ข้อหา ประกอบด้วย บุกรุกเคหสถาน , กักขังหน่วงเหนี่ยว, ชิงทรัพย์,กรรโชกทรัพย์ ,พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และครอบครองยาแอมเฟตามีน(ยาเค) และยังไม่รวมข้อหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อเด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ถูกทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งวันนี้ จะมีการนำเด็กหญิงอายุ 14 ปี มาสอบปากคำ โดยสหวิชาชีพจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ทำผิดเกี่ยวกับเด็กเพิ่มต่อไป
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว และในท้ายคำร้องจะมีการระบุ ถึงพฤติกรรมที่มีการกระทำความผิดซ้ำ โดยขอให้ศาลเพิ่มโทษตามดุลพินิจ โดยต่อมาศาลอาญากรุงเทพฯใต้ได้อนุญาตตามคำร้องของพนักงานสอบสวนรับฝากขังผู้ต้องหาในการควบคุม ระหว่างรวบรวมสำนวนเตรียมส่งฟ้องอัยการเพื่อเสนอต่อศาลในการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
โดยขณะที่ นายกำพล ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวขึ้นรถไปยังศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อจะส่งตัวไปยังเรือนจำ สื่อมวลชนพยายามสอบถามซึ่งผู้ต้องหากล่าวเพียงสั้นๆ ว่าไม่พร้อมที่จะพูดอะไรในตอนนี้ และได้บอกกับญาติที่มารอส่งว่าจะทำตัวให้ดีระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ
จากการตรวจสอบประวัติ ของผู้ต้องหารายนี้ พบเคยถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับการชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์มากถึง 16 ครั้ง โดย 13 ครั้งแรก ก่อเหตุสมัยยังเป็นเยาวชน
ขณะที่พี่สาวและน้องสาวของผู้ต้องหาเปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองเข้าเยี่ยมนายกำพล ผู้ต้องหา ระหว่างที่ถูกควบคุมอยู่ ได้ร้องไห้พร้อมกับกล่าวว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุ แต่เมื่อตนเองถามว่าแล้วทำไปทำไมผู้ต้องหาปฏิเสธระบุเพียงแต่ว่ามีเรื่องเครียด ซึ่งตนเองเป็นห่วงว่านายจอมพลจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะก่อนหน้านี้เคยทำร้ายตัวเองใช้มีดกรีดหน้าและหัวของตนเองมาแล้ว และระหว่างที่ถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำเคยที่จะผูกตาย
แต่เมื่อเช้าหลังจากที่ตนเองเข้าเยี่ยมทำให้นายกำพล คลายความเครียดลงได้บ้าง และยืนยันว่าหลังจากพ้นโทษมาแล้วจะไม่ก่อเหตุขึ้นอีก แต่ตนเองในฐานะที่เป็นพี่สาวรู้จักน้องชายเป็นอย่างดีเชื่อว่านายกำพลอาจจะก่อเหตุอีก เพราะนายกัมพลเคยบอกกับตนเองว่าโลกภายนอกสังคมสมัยนี้อยู่ยากอยู่ข้างในเรือนจำดีกว่าไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
พี่สาวของผู้ต้องหาเชื่อว่าน้องชายของตนเองไม่ทำร้ายตัวประกันอย่างแน่นอน เพราะจากการสอบถามน้องชายก็ไม่คิดที่จะทำร้ายตัวประกัน แต่ต้องการที่จะเอาตนเองรอดออกจากบริเวณที่เกิดเหตุเพราะหากปล่อยตัวประกันไปก่อนเกรงว่าจะถูกวิสามัญ
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ 191 ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือตัวประกัน ภายในซอยเจริญกรุง 44 ว่ามีกระแสข่าวว่า ผบช.น.มีคำสั่งเรียกสอบเจ้าหน้าที่ 191 มือยิงปืนไฟฟ้าไปต่อว่า และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาเสียขวัญ พล.ต.ต.จิรสันต์ โฆษก ผบช.น. ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งการ ที่ ผบช.น.เรียกเจ้าหน้าที่ไปสอบนั้น เพื่อสอบถามข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่และจะนำไปเป็นคดีตัวอย่างเพื่อเป็นแนววิทยาทาน พร้อมกล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือตัวประกันได้ทันท่วงที