โน แท-อู อดีตผู้นำเกาหลีใต้ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยวัย 88 ปี พร้อมอดีตอันด่างพร้อย
นายโน แท-อู อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เสียชีวิตเมื่อวันอังคาร (26 ต.ค.) ด้วยวัย 88 ปี พร้อมอดีตที่ด่างพร้อย
ผู้ช่วยของนายโนประกาศเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) ว่านายโนเสียชีวิตระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล
นายโนเกิดเมื่อปี 2485 ที่เมืองแทกู จากนั้นก็เข้าเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลี เมื่อปี 2493-2496 จากนั้นได้รับรับตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ก่อนได้ตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่งด้วยจากอำนาจของกองทัพที่อยู่เหนือรัฐบาลในขณะนั้น
นายโนยังก่อการรัฐประหาร นายชเว กยู-ฮา เมื่อปี 2522 แล้วช่วยให้เพื่อนร่วมวิทยาลัยกองทัพเกาหลี นายพล ชอน ดู-ฮวาน เป็นประธานาธิบดีแทน ทั้งยังร่วมกันนำทหารไปปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจูเมื่อปี 2523 ด้วย จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และกลายเป็นบาดแผลอันด่างพร้อยในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลีใต้
นายโนขึ้นมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้หลังจากนายพลชอนเลือกให้เป็นตัวแทน (แคนดิเดต) ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ของพรรคยุติธรรมประชาธิปไตย ก่อนมาชนะการเลือกตั้ง กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพราะพรรคการเมืองฝ่ายค้านแย่งคะแนนกันเอง ระหว่าง นายคิม ยอง-ซัม และนายคิม แด-จุง
ระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นายโนยังมีส่วนในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก 1988 (พ.ศ. 2531) ที่กรุงโซล หลังจากมีบทบาทสำคัญในการจัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ ในเกาหลีใต้ เพราะตนเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกเกาหลีใต้
ถึงอย่างนั้นนายโนก็มีส่วนในการปฏิรูปประชาธิปไตยของประเทศและการสานสัมพันธ์กับประเทศในโลกสังคมนิยม อย่างเช่น การพบปะกับนายมิคาอิล กอร์บาชยอฟ ประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต ระหว่างที่ทั้งคู่ไปเยือนสหรัฐเมื่อปี 2533 การพูดคุยกันครั้งนั้นจึงเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศในรอบ 42 ปี ทั้งยังสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนเมื่อปี 2535 ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายโนและนายพลชอนถูกจับและพิจารณาคดีเมื่อปี 2538 จากการรับสินบนจากนักธุรกิจระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ทั้งยังถูกตั้งข้อหากบฏจากการทำรัฐประหารและการสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจู
ท้ายที่สุด นายโนถูกศาลสั่งจำคุก 17 ปี และยึดทรัพย์มากกว่า 260,000 ล้านวอน (7,387 ล้านบาท) แต่ก็ได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในปี 2540 และเพิ่งจ่ายเงินที่โดนยึดทรัพย์จนหมดสิ้นในเดือน ก.ย. 2556 ที่ผ่านมา