พ่อค้ายาให้ลูกสาว 13 ปีแอบส่งยาบ้าให้ลูกค้าติดโควิด แต่ถูกพยาบาลจับได้

พ่อค้ายาบ้าวัย 39 ปี เอายาบ้าซุกในถุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมใส่ยาเส้นดับกลิ่น แล้วส่งลูกสาววัย 13 ปี เป็นคนเอาไปส่งผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสตึก อ.สตึก บุรีรัมย์ ถูกตรวจจับได้ยาบ้า 8 เม็ด เจ้าตัวปฏิเสธลั่นไม่รู้เรื่องถูกป้าวานให้มา ตำรวจค้นบ้านพบเงินสด 1 แสน ทองอีกกว่า 5 บาท ขณะป้าปฏิเสธพัลวัน ไม่รู้ใครเอามาฝากจึงฝากต่อ ตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันค้ายาบ้า

วันที่ 26 ต.ค.64 พ.ต.อ.วชิรวิทย์  วรรณธาณี  ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากพยาบาลโรงพยาบาลสตึก ว่ามีญาติผู้ป่วยโรคโควิด-19 นำวัตถุต้องสงสัย เอาสิ่งของมาฝากผู้ป่วย จึงเข้าไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.นิติพงษ์  สีทาเลิศ  รอง ผกก.(สืบสวน)สภ.สตึก และกำลังชุดสืบสวนสิ่งของต้องสงสัยดังกล่าว เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยจำนวน 5 ถ้วย, กาแฟแบบซอง 10 ซอง และยาเส้นอีก 1 ห่อ อยู่ในถุงพลาสติก  ตรวจสอบพบว่าภายในซองยาเส้น มียาบ้าบรรจุกระดาษฟอยล์ จำนวน 8 เม็ด โดยระบุผู้รับของคือ นายอนุชา อายุ 41 ปี เป็นผู้ป่วยโควิด-19 รักษาอยู่ในโรงพยาบาลสตึก 

ส่วนผู้เอามาฝากคือ นายอุทัย อายุ 39 ปี มาพร้อมกับลูกสาววัย 13 ปี พยาบาลได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานแล้วปล่อยตัวกลับบ้าน

ต่อมา พ.ต.ท.นิติพงษ์ สีทาเลิศ รอง ผก.(สืบสวน)ได้ไปเชิญตัวนายอุทัย มาสอบถาม นายอุทัย ยืนยันไม่รู้เรื่อง ที่เอาของมาฝาก เพราะมีป้าคนในคุ้มชาวประมง วานให้เอามาฝากให้นายอนุชา ที่รักษาตัวโรคโควิดภายในโรงพยาบาล ส่วนที่พาลูกสาวมาด้วย เพราะตนเขียนหนังสือไม่เป็น จึงให้ลูกเป็นเขียนชื่อคนรับของให้ ยืนยันไม่รู้ว่ามียาบ้าอยู่ในนั้นด้วย

จากนั้น ตำรวจได้นำกำลังไปค้นบ้านนายอุทัย ปรากฏว่าพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านจำนวน 100,000 บาท และทองรูปพรรณอีก 5 บาทกับอีก 50 สตางค์ ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ก่อน

จากนั้นตำรวจได้เชิญตัวนางเสาวนี อายุ 39 ปี ป้าที่นายอุทัย กล่าวอ้าง ว่าเป็นคนวานให้เอาของไปฝากให้นายอนุชา มาสอบสวน โดยนางเสาวนี ระบุว่าไม่รู้เรื่องและไม่รู้ว่าใครวานให้ฝากต่อ จำได้เพียงว่าเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ มาวานให้ให้ตนเอาของไปฝากให้นายอนุชา ในโรงพยาบาล และไม่รู้ว่าภายในของฝากจะมียาบ้า ตนจึงวานให้นายอุทัย เอาไปฝากต่อ ถ้ารู้เป็นสิ่งผิดกฎหมายตนจะไม่รับฝากโดยเด็ดขาด

จากการสอบสวน ทั้งพยาน หลักฐาน เชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงกัน เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา ร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย