ตำรวจหึงโหด บุกกระทืบกิ๊กสาวปางตาย เหยื่อคว้ามีดจี้คอขู่ฆ่าตัวเอง ถึงยอมปล่อย

ตำรวจหึงโหด บุกกระทืบกิ๊กสาวปางตาย เหยื่อคว้ามีดจี้คอขู่ฆ่าตัวเอง ถึงยอมปล่อย

ตำรวจหึงโหด บุกกระทืบกิ๊กสาวปางตาย เหยื่อคว้ามีดจี้คอขู่ฆ่าตัวเอง ถึงยอมปล่อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจหึงโหด บุกที่ทำงานกิ๊กสาว ลากมากระทืบปางตาย เหยื่อดิ้นรนเฮือกสุดท้าย คว้ามีดจี้คอขู่ฆ่าตัวเอง จนฝ่ายชายยอมปล่อย พาร่างอาบเลือด หน้าเละวิ่งหนีตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 01.30 น. ร.ต.อ.ชินวุธ ศิลปะเสวตร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้าไปในบ้านและพังประตู เข้าไปทำร้ายร่างกายคนภายในบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย 41 ขาขึ้นกรุงเทพฯ ม.1 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจและหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์

ที่เกิดเหตุ เป็นร้านอาหาร ลักษณะเป็นที่พักอาศัยและเป็นบริษัทในที่เดียวกัน ตั้งอยู่นอกรั้วกำแพงของปั๊มน้ำมัน โดยทางปั๊มได้เปิดรั้วกำแพงไว้ 1 ช่อง ให้เข้าออกได้ พบ นายธนะโรจน์ อายุ 58 ปี พร้อมด้วยนางสาวพิมนภัทร์ อายุ 31 ปี ลูกสาว และ นายพัสกร อายุ 28 ปี ลูกเขย ยืนรอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่

นางสาวพิมนภัทร์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมแฟน และนางสาวศุภจิตรา อายุ 39 ปี นั่งเรียงพืชใบกระท่อมเป็นมัดบรรจุลงกล่อง เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า โดยพ่อได้ทำกับข้าวอยู่ใกล้ๆ จนเสร็จ พอก็ได้เรียกให้มากินข้าวกัน โดยนางสาวศุภจิตราลุกขึ้นไปกินก่อน ส่วนตนเองกับแฟนยังนั่งจัดเรียงพืชใบกระท่อมต่อ

ขณะที่กำลังจัดเรียงพืชใบกระท่อมอยู่ โดยตนนั่งหันหลังให้กับประตูซึ่งเป็นกระจก ส่วนแฟนหันหน้าไปทางกระจก จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์สวมเสื้อสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน สะพายกระเป๋าหนัง เดินมาเคาะที่กระจก พร้อมตะโกนให้เปิดประตู

ก่อนที่ชายดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเอว ตนเองพร้อมแฟน ตกใจกลัว ต่างกระโดดวิ่งหนีไปที่พ่อซึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับนางสาวศุภจิตรา ในขณะพ่อเองก็ได้ยินก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมบอกว่า ไม่ต้องใช้ปืน คุยกันดีๆ ก่อน แต่ไม่ทันได้คุยอะไร ชายคนดังกล่าว เดินผละออกไปประตูหน้าบ้าน

ซึ่งตนเองตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก จนลืมไปว่าประตูหลังบ้านไม่ได้ล็อกกุญแจ แต่ก็ช้าไปแล้ว ชายคนดังกล่าวได้เดินมาหลังบ้าน ก่อนตะโกน แล้วเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพังประตูห้อง ซึ่งตนเอง ซึ่งตอนนั้น ตนเองกับแฟนเห็นท่าไม่ดีต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง เพื่อจะไปขอให้คนที่ปั๊มน้ำมันได้ช่วยโทรแจ้งตำรวจ  

ด้าน นายธนะโรจน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจ ชื่อที่เรียกกันคือ จ่าเชิด เป็นคนขับรถให้กับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.ชุมพร คนหนึ่ง เคยมาที่นี่และเคยมาทะเลาะกับนางสาวศุภจิตราหลายครั้งแล้ว

ซึ่งตอนเกิดเหตุตนเองก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ เพราะจ่าเชิดได้ถือปืนขู่ไม่ให้ยุ่ง ซึ่งตนก็โดนจ่าเชิดตบด้วยอาวุธปืนหลายทีเข้าที่ใบหน้าจนต้องเดินหนีมา ส่วนจ่าเชิดก็หันไปทุบตีนางสาวศุภจิตราจนบอบช้ำ ตนเองทนดูไม่ไหวต้องเดินหนีออกมาจากบ้านมารวมตัวอยู่กับลูก ก่อนจะกลับมาในบ้านอีกครั้ง

หลังจ่าเชิดออกมาจากบ้านแล้วเดินขึ้นรถกลับไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็พบว่าพังประตู เตียงนอน และข้าวของเครื่องใช้ภายห้องเสียหายหลายอย่าง ส่วนนางสาวศุภจิตราก็ไม่ทราบหายไปไหน ทุกคนช่วยกันตามหา แต่ก็ด้วยความมืดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

นายธนะโรจน์ กล่าวต่อว่า นางสาวศุภจิตรานั้นเป็นหุ้นส่วนของบริษัทตนเองที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับพืช จำหน่ายกล้าต้นกระท่อม ใบพืชกระท่อมและตอนนี้ต่อยอดแปรรูปพืชใบกระท่อมอยู่ ซึ่งตนเอง ลูกสาว ลูกเขยและนางสาวศุภจิตรา จะทำงานจนดึกดื่นทุกคืน คาดว่าจ่าเชิดอาจจะเกิดความหึงหวงจนก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

ตนเองยอมรับว่า สังคมวันนี้อยู่ยาก ขนาดตำรวจยังก่อเหตุในลักษณะนี้ได้โดยขาดสติ แล้วชาวบ้านจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร เรื่องนี้ตนเองก็จะแจ้งความบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืนมาในที่สาธารณะ และข่มขู่ โดยยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวพิมนภัทร์ แจ้งว่า ขณะนี้ได้พบตัวนางสาวศุภจิตราแล้ว โดยหนีตายมาหลบซ่อนตัวอยู่บ้านชาวบ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากที่เกิดเหตุเกือบ 1 กิโลเมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบอยู่ในสภาพใบหน้าบวมแดง ตาข้างซ้ายช้ำเขียวบวมจนตาปิด แขนและขาเขียวช้ำ เป็นจุดแทบทั้งตัว

โดย นางสาวศุภจิตรา ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองกับจ่าเชิดคบหากันมานานกว่า 8 ปี โดยตนเองอยู่ในสถานะเมียน้อย ได้เช่าบ้านอยู่บริเวณสี่แยกปฐมพร จ่าเชิดจะแวะมาหาเป็นประจำ แต่ระยะหลังๆ จ่าเชิด มักจะทำร้ายตนเองบ่อย และหนักขึ้น จนตนเองทนไม่ไหวขอเลิก

แต่จ่าเชิดไม่ยอมเลิก แม้ตนเองพยายามหนี ไม่ปะทะมากว่า 4 เดือน จนล่าสุดก่อนเกิดเหตุ ก็ยังถูกจ่าเชิดทำร้าย จับมัดมือ มัดเท้า ปิดปาก มาแล้ว และล่าสุดเมื่อกลางคืนที่ผ่านมา ตนเองถูกชก ตบ ตี กระทืบปางตาย แม้ร้องขอชีวิตแต่จ่าเชิดก็ยังไม่หยุด ตนเองพยายามดิ้นรนหนีจนมาถึงในครัว ฉวยมีดได้ตนเองก็เอามาจ่อที่คอ และขู่ว่าหากไม่หยุด ตนเองก็ขอแทงตัวตาย จ่าเชิดเลยยอมปล่อย

ตนเองเลยวิ่งออกจากบ้านหนีตายมาอาศัยบ้านของชาวบ้าน ที่เห็นสภาพตนแล้วทนช่วยไม่ได้ เลยให้หลบซ่อนตัว จนกระทั่งเช้าก็ติดต่อไปที่นายธนะโรจน์เพื่อให้ช่วยพาไปโรงพยาบาลรักษาบาดแผล และจะเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีกับจ่าเชิดให้ถึงที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook